ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ


อ่านละครเรื่อง ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ

- อ่านละครย่อเรื่อง ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ

ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ บทประพันธ์โดย ภาคินัย บทโทรทัศน์โดย ปณธี
ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ กำกับการแสดงโดย พีรพล เธียรเจริญ
ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ สร้างสรรค์โดย อรพรรณ วัชรพล
ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ผลิตโดย บริษัท โพลีพลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ เป็นละครโทรทัศน์แนว คอมเมดี้
ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ออกอากาศทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7

นักแสดงและตัวละครในเรื่อง ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ

1. พีชญา วัฒนามนตรี รับบท “ห่าน” หรือ “ไฮโซฮันนี่”
พนักงานห้างฯ แผนกรองเท้าสตรี ห่านฝันอยากมีชีวิตหรูหรา..มี “เจ้าชาย” ดีๆ มาขอแต่งงาน เหมือน “ซินเดอเรลล่า” ในนิทานที่เธอเคยฟังตอนเด็กๆ สมัยอยู่บ้านเด็กกำพร้า จึงไม่แปลกที่ห่านจะต้องการมีคุณค่า และการยอมรับจากคนในสังคม ห่านจึงเป็นหญิงแกร่งเอาตัวรอดเก่งสุดๆ

2. เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ รับบท “บื้อ”
หนุ่มห้างฯ แผนกชุดชั้นในชาย มาดเซอร์ ปากเสีย แต่ลึกๆ บื้อเป็นคนใจอ่อน และมีน้ำใจ เค้าฝันอยากเป็นนักร้องแนวอินดี้ออกอัลบั้มของตัวเอง แต่โลกส่วนตัวสูงไปนี้ดส์เลยไม่มีค่ายไหนรับเข้าสังกัด แถมยังชอบตะโกนร้องเพลงโหวกเหวกจน ห่าน (พีชญา) รำคาญ ทั้งคู่จึงเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน

3. ณัฏฐวุฒิ อิศรางกูร ณ อยุธยา รับบท “คุณชาย”
หนุ่มหล่อมาดเข้มแบบไทยแท้ ทายาทห้างสรรพสินค้าชื่อดัง แถมมีดีกรีนักเรียนนอก..จบจากสวิตเซอร์แลนด์พ่วงท้าย แม้จะรวยล้นฟ้าแต่ไม่เคยแบ่งชนชั้น คุณชายเป็นสุภาพบุรุษชอบช่วยเหลือคนอื่น และ เป็นลูกชายที่น่ารัก..ขี้อ้อนของ คุณหญิงรื่นฤดี (ปภัสรา)

4. นภัสสร ช่วยเกิด รับบท “ดาหลา”
ไฮโซสาวรุ่นใหม่ที่ใครๆ จับตามอง เพราะดาหลาคว้ามงกุฎจากเวทีประกวดนางสาวสยามคนล่าสุดมาได้ แต่นิสัยของเธอแย่สวนกระแสหน้าตา นอกจากไม่รักเด็ก และไม่ทำประโยชน์เพื่อสังคมแล้ว ดาหลายังเอาแต่ใจชอบดูถูกคนอื่น วันๆ ตามตื้อแต่ คุณชาย (ณัฏฐวุฒิ) เพราะอยากได้เป็นสามี

5. นิชา ปาลวัฒน์วิไชย รับบท “น้องนุช”
สาวสวยนักเรียนนอกร่าเริง และมั่นใจในตัวเอง แม้ภายนอกน้องนุชดูสวยใสสไตล์คุณหนู แต่เนื้อในเธอชอบใช้ชีวิตเรียบง่าย เป็นคนตรงไปตรงมา และเด็ดขาด เธอจึงเป็นเพื่อนสนิทกับ คุณชาย (ณัฏฐวุฒิ) มาตั้งแต่เด็กจนเรียนจบเมืองนอก

6. ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล รับบท “แอปเปิ้ล”
พนักงานห้างฯ แผนกรองเท้าสตรี ด้วยความที่เป็นคนหน้าตาดีมีเสน่ห์ แอปเปิ้ลจึงทำยอดขายรองเท้าได้ทะลุเป้าทุกเดือน โดยมี ห่าน (พีชญา) เป็นคู่แข่งเบียดบี้ยอดขายมาตลอด..ตลอด หนำซ้ำแอปเปิ้ลยังปิ๊ง! บื้อ (อารักษ์) ถึงกับอยากเป็นแฟนด้วย

7. พุทธิพงษ์ คล้ำจีนภาณุวงศ์ รับบท “โย่ง”
รปภ.หนุ่มใจซื่อ..มือสะอาดประจำห้างฯ หลายคนอาจว่าโย่งโง่แต่เค้าไม่โกรธ เพราะโย่งเป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มเก่ง และมองโลกสดใสเสมอ เค้าจึงเป็นเพื่อนซี้คอยช่วย บื้อ (อารักษ์) ทุกเรื่อง

8. สเตฟานี (น้ำฝน) เลอร์ช รับบท “แหม่ม”
ผู้หญิงสมัยใหม่ เปรี้ยวซ่าส์..แต่งตัวเก่ง ก้าวทันเทคโนโลยี แหม่มจึงทำงานเป็นพนักงานห้างฯ ประจำแผนกชุดสตรี เธอคอยแนะนำสไตล์แฟชั่นชิคๆ ให้คุณลูกค้าพอใจเสมอ ยามว่างแหม่มมักจะไปเม้าท์กับ ห่าน (พีชญา) และ เจ๊มะพร้าว (อาภาพร) เพื่อนซี้เป็นประจำ

9. อาภาพร นครสวรรค์ รับบท “เจ๊มะพร้าว”
เจ๊ใหญ่ประจำห้างฯ อยู่แผนกเครื่องสำอาง ถึงเธอจะเสียงดังขี้โวยวายจนใครๆ ไม่กล้าเป็นศัตรูด้วย แต่เจ๊มะพร้าวก็เป็นแท้ที่มีน้ำใจของ ห่าน (พีชญา) และ แหม่ม (สเตฟานี) เสมอ

10. ชาลี ปอทเจส รับบท “โจ๊ก”
หนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยมาดเซอร์แนวเดียวกับ บื้อ (อารักษ์) ยิ่งทั้งคู่เช่าบ้านอยู่ใกล้กันโจ๊กยิ่งยึดการดำเนินชีวิตของพี่บื้อเป็นไอ ดอล โดยเฉพาะเรื่องความรักที่เค้าแอบชอบ คุณหนูจ๋า (นภัสสร) ลูกสาวเจ้าของบ้านเช่าอยู่

11. นภัสสร เอี่ยมเจริญ รับบท “คุณหนูจ๋า”
ลูกสาวเจ้าของบ้านเช่าที่ ห่าน (พีชญา) กับ บื้อ (อารักษ์) อยู่ หนูจ๋าต้องมาเก็บตังค์ค่าเช่าแทนแม่ประจำ จึงคุ้นเคย และสนิทกับทุกคน ที่สำคัญเธอยังแอบชอบพี่บื้อเลยขอให้เค้าสอนเล่นกีต้าร์เป็นประจำ แต่หนูจ๋าไม่ถูกชะตากับ โจ๊ก (ชาลี) เพื่อนที่แอบชอบเธอเอาซะเลย

12. เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ รับบท “พรเพ็ญ”
ผู้จัดการอาวุโสของห้าง Siam Miracle Department Store มีความรับผิดชอบ และรักองค์กรมาก เพราะพรเพ็ญบุกเบิกห้างฯ มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง เป็นคนตรงไปตรงมาไม่ปล่อยคนผิดลอยนวล

13. ยิ่งยง ยอดบัวงาม รับบท “สุรเดช”
ผู้ชายมาดเนี้ยบจนบางครั้งดูตุ้งติ้ง สุรเดชเป็นเจ้าของบริษัทออร์กาไนซ์เซอร์ที่ขี้อาย ไม่เหวี่ยง แถมยังเป็นลูกค้าที่แวะเวียนมาอุดหนุนกางเกงในแผนก บื้อ (อารักษ์) เป็นประจำ

14. ค่อม ชวนชื่น รับบท “ลุงจ๊อด”
ลุงจ๊อดเป็นคนขับรถแท็กซี่อารมณ์ดี เคยเล่นตลกอาชีพมาก่อน เค้าเช่าบ้านอยู่กับ โจ๊ก (ชาลี) หลานชายแค่ 2 คน บางครั้งลุงจ๊อดอาจจะขี้โม้..ขี้บ่น แต่ก็เข้าใจโลก..เข้าใจชีวิต

15. ธัญญา รัตนมาลากุล รับบท “ปีโป้”
พนักงานห้างฯ แผนกรองเท้าสตรี ปีโป้เป็นลูกไล่ของ แอปเปิ้ล (ชวัลกร) จึงเป็นคู่ปรับกับ ห่าน (พีชญา) โดยสิ้นเชิง ที่สำคัญชีส์ยังหลงตัวเองมั่กๆ คิดว่า สวย-เริ่ด กว่ายัยห่านหลายช่วงตัว

16. ปภัสรา เตชะไพบูลย์ รับบท “คุณหญิงรื่นฤดี”
คุณหญิงแม่จอมเผด็จการของ คุณชาย (ณัฏฐวุฒิ) เธอมักขีดเส้นทางชีวิตให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเดินตามตลอด หนักสุดรื่นฤดีคิดจะคลุมถุงชนให้ลูกชายแต่งงานกับ ดาหลา (นภัสสร) ให้ได้

17. ไพโรจน์ สังวริบุตร รับบท “ชนะศึก”
สามีอารมณ์ดี และเกรงใจ รื่นฤดี (ปภัสรา) ศรีภรรยาสุดๆ ชนะศึกเป็นพ่อที่ดีคอยให้กำลังใจ คุณชาย (ณัฏฐวุฒิ) ลูกคนเดียวเสมอ

18. กรองทอง รัชตะวรรณ รับบท “ดารัณ”
แม่หม้ายทรงเครื่องสามีตายทิ้งสมบัติไว้ให้มากมาย ดารัณคิดว่า “เงิน” ตัวเองใหญ่กว่าใคร จึงรักลูกแบบผิดๆ ดารัณสอนให้ ดาหลา (นภัสสร) ลูกสาวคนสวยหลงตัวเอง ดูถูกคนที่ด้อยกว่า

19. ศิริพร อยู่ยอด รับบท “น้าตุ้ม” หรือ “ศีตลา”
อดีตนักร้องสุดเปรี้ยวที่ผันตัวมาเป็นแม่ค้าเปิดร้านอาหารทะเลเล็กๆ ตุ้มเป็นเหมือนแม่คนที่ 2 ของ บื้อ (อารักษ์) เพราะเธอเลี้ยงดูหลานชายมาตั้งแต่เกิด แม้จะเป็นคนปากจัด..ด่าไฟแล่บบบ แต่ตุ้มก็เป็นคนดี และใช้ชีวิตอย่างพอเพียง

20. ติ๊ก ชีโร่ รับบท “น้าเต๊ะ”
อดีตศิลปินเดี่ยวเด็กแนว (ยิ่งกว่า) บื้อ (อารักษ์) หลานชาย น้าเต๊ะเต้นเก่งจนได้ฉายา “เต๊ะ 100 สเตป” แต่ปัจจุบันเป็นพ่อครัวช่วย เมียตุ้ม (ศิริพร) ที่ร้านอาหารทะเล ทั้งคู่ชอบร้องเพลง Battle ด้วยกันเวลาทำกับข้าว

21. นฤมล นิลวรรณ รับบท “ครูสมพร”
ผู้ดูแลบ้านเด็กกำพร้าที่ ห่าน (พีชญา) อยู่มาตั้งแต่เด็ก ครูสมพรใจดี..มีเมตตา ทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กด้อยโอกาสที่เธอดูแลอยู่ได้เรียนหนังสือ

22. ตูมตาม เชิญยิ้ม รับบท “สม”
สมเป็นคนขับรถเก่าแก่ของบ้าน คุณชาย (ณัฏฐวุฒิ) มีนิสัยนอบน้อมถ่อมต้น และจงรักภักดีต่อเจ้านายมาก

23. วนิดา แสงสุข รับบท “น้อย”
น้อยเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลประคบประหงม คุณหนูจ๋า (นภัสสร) มาอย่างดีตั้งแต่เด็กๆ เวลาคุณหนูมาเก็บค่าเช่าบ้านเธอจึงติดสอยห้อยตามมาด้วย เพราะจะแว้บ..บ ไปหา ลุงจ๊อด (ค่อม) ผู้ชายในฝัน

อ่านละคร มายาสีมุก ตอนที่ 1 วันที่ 24 มี.ค. 56



อ่านละคร มายาสีมุก ตอนที่ 1 วันที่ 24 มี.ค. 56

ไข่มุก เด็กสาววัย 20 แสนสวยจิตใจดีงามและมีความกตัญญู ความยากจนทำให้เธอทำงานทุกอย่างที่สุจริตเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว

วันนี้เธอวนเวียนอยู่ในกองถ่ายละคร ถูกเรียกไปเป็นสตั๊นต์เกิร์ลแสดงเป็นสาวในชุดนางเสือแทนกีกี้นางร้ายตัวจริง เธอแสดงโลดโผนห้อยโหนโจนทะยานได้อย่างคล่องแคล่วสวยงาม แต่มาพลาดท่าตอนสุดท้ายตกลงมาจุกแอ้ก ถูกผู้กำกับไล่และธุรกิจใช้ให้ไปตามตัวกีกี้ นางเอกตัวจริงมาเข้าฉาก

ไปตามกีกี้เจอกำลังพลอดรักอยู่กับคีรินทร์เพลย์บอยรูปหล่ออยู่หลังราวแขวน เสื้อผ้านักแสดง โดนด่าซ้ำเพราะมาขัดจังหวะกำลังปล้ำกันมันหยด

พอได้รับเงินค่าจ้างก็รีบเอากลับบ้านไปให้วันดี แม่ที่รอรับเงินอยู่ที่บ้านโทรมๆ ในชุมชนแออัด

“สองร้อยอีกแล้ว มันจะหักยุบหักยิบอะไรนักหนาวะนังมุก หรือว่าเอ็งเม้มไว้ อย่าให้ข้ารู้นะโว้ย” วันดีโวยลั่น

“จะมีเหลือให้เม้มเหรอจ๊ะแม่ ได้มาเท่าไรฉันก็ให้แม่หมดทุกที แสดงแทนเขา เจ็บหลังแทบหักยังไม่เจ็บใจเท่าโดนหักสองเด้ง”

วันดีบ่นไม่หยุดว่าจะมาหักอะไรกับนักแสดงต๊อกต๋อย ไข่มุกแจกแจงอย่างเจ็บใจว่า

“มันหักหมดแหละแม่ ก็คนที่เรียกฉันหักค่านายหน้าไป 60 แถมมาไถค่ารถอีก 40 เลือดซิบเลย ไม่ให้ก็ไม่เรียกอีก ทำไงได้แม่”

วันดีบ่นว่าทำทั้งวันได้น้อยกว่าตนขายส้มตำอีก ไข่มุกหยอกว่าบ่นนักงั้นไม่ต้องเอา ฉวยเงินคืนจากวันดี โดนวันดีด่าไม่ทันจบ เม่นพ่อขี้เมาก็มาข้างหลังวันดีคว้าเงินไป แถมด่าวันดีว่านิสัยไม่ดีหากินกับลูก

“ไอ้เม่น ไอ้เลว การงานไม่รู้จักทำ ดีแต่ไถข้าเอาคืนมา” วันดีหันไปทะเลาะกับเม่นแทน ไข่มุกบอกเม่นว่าอยากได้ก็เอาไปแล้วไปให้ไกลๆเลย

“ถ้าไม่อยากให้ข้าทำอะไรแม่เอ็ง ก็หาเงินมาให้ข้าเยอะๆสิวะ ไม่งั้น ไม่ใช่แค่นังวันดี แต่เอ็งก็จะโดนด้วย”

เม่นกำเงินแน่นขู่ดุดันแล้วเดินไป ไข่มุกกับวันดีมองตามเม่นไปอย่างแค้นใจ

ooooooo

วันนี้ไข่มุกเลยต้องไปขายส้มตำตูดไก่ย่าง เธอตำส้มตำด้วยลีลานักบู๊หนังกำลังภายใน ควงครกควงสากอย่างคล่องแคล่ว แม้แต่ตูดไก่ที่จะปิ้งก็ยังโยนขึ้นเอาไม้เสียบกลางอากาศอย่างแม่นยำ

พวกลูกค้าที่มารอซื้อดูลีลาขายของไข่มุกจนลืมไปเลยว่ามายืนรอส้มตำอยู่

ยังไม่ทันมีใครได้ส้มตำ เสียงนกหวีดของเทศกิจก็ทำลายบรรยากาศหมดสิ้น ไข่มุกเข็นรถหนี พวกลูกค้าก็แตกกันกระเจิง

“ทำไมดวงจู๋อย่างนี้วะไอ้มุก...ขายยังไม่ได้สักกะบาท ต้องวิ่งขาขวิดอีกแล้ว” ไข่มุกเข็นรถหนีขึ้นสะพานเตี้ยๆ

พอจวนตัวก็กระโดดขึ้นหลังคารถที่ติดกันเป็นพืดอยู่บนถนน กระโดดจากหลังคารถคันนี้ไปคันโน้นลีลาไม่แพ้จาพนม

“มาถ่ายหนังอะไรบนรถข้าวะ...ลงไป” เจ้าของรถคันหนึ่งโผล่หน้าต่างรถออกมาด่า

ไข่มุกโดดจากหลังคารถลงไปเข็นรถหนีต่อ เทศกิจวิ่งไล่จนลิ้นห้อย จำต้องปล่อยไข่มุกหนีไป

ooooooo

เขมทัตเจ้าของโรงแรมห้าดาวพ่อของคีรินทร์หนุ่มเพลย์บอย อยากให้ลูกชายคนเดียวมีภาพลักษณ์ที่ดีและดูแลกิจการต่อจากตน วันนี้จึงเรียกประชุมกรรมการบริษัท เสนอว่า

“ผมขอเสนอที่ประชุมบอร์ดนะครับ ว่าจะให้คีรินทร์ขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการ ดูแลทุกอย่างแทนผม”

ผู้ร่วมประชุมซุบซิบกัน คนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่าตนเห็นด้วยแต่คีรินทร์ยังอายุน้อย เสนอว่าวัฒนาน่าจะเหมาะสมกว่า คีรินทร์แย้งทันทีอย่างไม่พอใจว่า ตนกับวัฒนาอายุเท่ากันเป็นเพื่อนกัน มันน้อยกว่าตรงไหนไม่ทราบ

“แต่คุณวัฒนามีครอบครัวแล้ว ดูภูมิฐานกว่าหนุ่มสำอาง ตำแหน่งนี้ต้องเป็นคนมีความรับผิดชอบ ถ้ามีครอบครัวแล้วดูจะมีวุฒิภาวะดีกว่า” บอร์ดอีกคนชี้แจง

“โสดไม่โสดไม่เกี่ยวมังครับ คุณคีรินทร์ก็มีความรู้ความสามารถไม่น้อยไปกว่าผม” วัฒนาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและเป็นลูกน้องของคีรินทร์เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนน้อม ถ่อมตน

“ถ้าอย่างนั้น ที่ประชุมก็ต้องโหวต แต่ดูเสียงส่วนมากจะไปทางคุณวัฒนานะ” บอร์ดอีกคนเสนอ ทุกคนเห็นด้วย

คีรินทร์นิ่งไป รู้สึกเสียหน้ามาก

ooooooo

บ้านหลังไม่ใหญ่และไม่หรูหรานัก แต่ออกแนวผู้ดีเก่า เป็นบ้านของชลลดา หญิงวัย 45 หน้าตาเค็ม เขี้ยว แววตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ เธอคือเจ้าหนี้ที่เหมือนเจ้าชีวิตของวันดี

ที่ห้องรับแขก ชลลดานั่งเชิดอยู่บนเก้าอี้ มองไข่มุกกับวันดีที่นั่งหน้าเศร้าที่พื้นหยันๆ พูดจิกอย่างถือตัว

“ดอกเก่าก็ยังส่งไม่ครบ ยังมีหน้ามาขอกู้ใหม่อีกเหรอยะ เห็นฉันเป็นตู้เอทีเอ็มรึไง”

“คุณนายขา...อิฉันเดือดร้อนจริงๆ วันนี้ก็โดนเทศกิจจับ ทุนหายกำไรหด ตูดไก่ก็เสียหมด สงสารเถอะค่ะ ขอสักสองสามพันไปทำทุน” วันดีอ้อนวอนจนแทบจะกราบ

ทันใดนั้น เสียงเอะอะดังเข้ามา เป็นเสียงของภัททิมาลูกสาววัย 23 ปีของชลลดาที่ถอดแบบนิสัยแม่บวกนิสัยแย่ของตัวเองที่เปรี้ยวซ่าหลงตัวเอง กำลังโวยวายตามหลังสาวใช้พม่าที่หิ้วกระเป๋าจะกลับบ้านทั้งที่เพิ่งมาทำงาน ได้แค่ 5 วัน

ชลลดามองขวับไปที่ไข่มุกทันที เสนอเงื่อนไขว่าถ้าวันดีจะยืมเงินก็ให้เอาไข่มุกมาทำงานบ้านก่อนก็แล้วกัน

“หนูทำไม่เป็น...หนูเป็นเด็กขี้เกียจ” ไข่มุกรีบบอก

“ถ้าไม่มา ฉันก็ไม่ให้ยืมเงินต่อ แล้วทั้งต้นทั้งดอกคืนมาให้หมดวันนี้ ตอนนี้เลย! แต่ถ้าให้อยู่...”

“คุณนายจะยกดอกเบี้ยให้หมดเลยใช่ไหม” วันดีถามอย่างตื่นเต้น ถูกด่าว่าดอกเบี้ยตั้งสี่แสนห้ายกให้ก็บ้าแล้ว นิ่งคิดก่อนเสนอว่า

“เอางี้ ฉันลดดอกให้แสนนึง แต่ต้องทำสัญญาให้นังนี่ทำงานอยู่บ้านฉันห้าปี แต่ถ้าเบี้ยวหนีไปก่อน แกต้องชดใช้คืนให้ฉันเป็นสามเท่า”

วันดีถามว่าไม่เค็มไปหน่อยหรือ ชลลดาอ่อยว่าระหว่างทำงาน จะให้เงินเดือนเดือนละสี่พันห้า วันดีติงว่าถูกไปตอนนี้ค่าแรงวันละสามร้อยแล้ว ก็ต้องได้เดือนละเก้าพัน พูดแล้วแอบบ่น “ผู้ดีทำไมตกเลขวะ”

ชลลดายอมเพิ่มให้เป็นเดือนละห้าพันจ่ายล่วงหน้าหนึ่งเดือน แล้วรีบควักเงินมานับ วันดีกำลังจะโวยพอเห็นเงินเลยพูดไม่ออก ชลลดาบอกว่าถ้าตกลงเดี๋ยวเซ็นสัญญาแล้วเอาเงินไปเลย

ไข่มุกฟังการต่อรองและดูอาการของแม่แล้วอยากจะร้องไห้ เชื่อว่าแม่ต้องยอมคุณนายแน่ๆ

ooooooo

หลังการประชุมกรรมการบริษัท เขมทัตเรียกคีรินทร์ไปนั่งในห้องทำงาน ถามลูกชายว่าจำอายง-ยุทธเพื่อนพ่อที่ตายไปแล้วได้ไหม คีรินทร์บอกว่าจำได้รางๆ ถามว่าทำไมหรือ

“เราสองคนเคยคุยกันว่า จะให้แกแต่งงานกับลูกสาวเขา” คีรินทร์ตกใจทักท้วงว่านี่มันหมดยุคคลุมถุงชนเข้าสู่ยุคพกถุงยางแล้ว “พวกบอร์ดพูดถูก กรรมการผู้จัดการควรมีภาพลักษณ์ที่ดี ต้องมีวุฒิภาวะที่จะดูแลบริษัท และพนักงานเกือบพันคนได้ ไม่ใช่เพลย์บอยจีบคนโน้นยุ่งกับคนนี้ พ่อต้องการให้แกแต่งงานกับลูกสาวยงยุทธ”

คีรินทร์อึ้งที่ถูกพ่อจับมัดมือชกรวบรัดรวดเร็วแบบนี้

ooooooo

ไข่มุกถักเปียหิ้วกระเป๋ามอซอมาเป็นคนรับใช้บ้านชลลดา ก็ถูกพิพัฒน์แฟนของภัททิมาเข้ามาทำกรุ้ม กริ่มจะแต๊ะอั๋ง แทนที่จะว่าพิพัฒน์ ภัททิมากลับด่าไข่มุกว่า

อ่านละคร มายาสีมุก ตอนที่ 1 วันที่ 24 มี.ค. 56

ละคร มายาสีมุกบทประพันธ์ : ทวิตา
ละคร มายาสีมุกบทโทรทัศน์ : เอื้องอรุณ สมิตสุวรรณ, เทอดโชค เกียรติสุขเกษม, จุฑามาศ สาคร
ละคร มายาสีมุกกำกับการแสดง : ธีระศักดิ์ พรหมเงิน
ละคร มายาสีมุกแนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละคร มายาสีมุกผลิต : บริษัท กันตนา
ติดตามชมละคร มายาสีมุก ได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ

มายาสีมุก


อ่านละคร มายาสีมุก[ตอนล่าสุด]

- อ่านละคร มายาสีมุก ตอนที่ 1 วันที่ 24 มี.ค. 56 [ตอนล่าสุด]

ตัวละครสำคัญในละครเรื่องมายาสีมุก

ไข่มุก หรือ ยองแอ แสดงโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล (กรีน)

สาวสวยวัย 20 ปี ผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิง ฉลาด รู้เท่าทันคน แต่เพราะจิตใจที่ดีงามและความกตัญญู ทำให้เธอต้องอดทน โดนโขกสับสารพัด และต้องยอมแต่งงานกับชายแปลกหน้าที่แสนร้ายกาจ

คีรินทร์ แสดงโดย วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ (วี)
เพลย์บอยรูปหล่อ อายุประมาณ 27-28 ปี ควงสาวไม่ซ้ำหน้า ไม่เคยคิดจะรักใคร และไม่เชื่อในความรัก จนกระทั่งได้พบกับไข่มุก

จินจู แสดงโดย สินิทธา บุญยศักดิ์ (นุ่น)
สาวสวยพราวเสน่ห์ อายุประมาณ 44-45 ปี ซูเปอร์สตาร์ชื่อดังของเกาหลี ร่าเริง แจ่มใส แต่เมื่อต้องพบความทุกข์ครั้งใหญ่ในชีวิต ทำให้เธอกลายเป็นคนเย็นชา แกร่งและกระด้าง

คธา แสดงโดย-
นักดนตรีวัย 45 ปี ผู้เต็มไปด้วยความสามารถ นิสัยสุภาพ ใจเย็น ยึดมั่นในความรักไม่เปลี่ยนแปลง

แทยอน แสดงโดย-
เจ้าพ่อวงการภาพยนตร์ของเกาหลี มาดดี สุขุมลุ่มลึก ฉลาดรู้เท่าทัน หัวใจของเขามีเพียงจินจู แต่เขากลับทำร้ายเธอด้วยความรัก

ชลลดา แสดงโดย อภิรดี ภวภูตานนท์ (แก้ว)
แม่ของภัททิมา อายุ 45 ปี นิสัยโลภ ทะเยอทะยาน ขี้มักได้ ชอบโกหก ชั่วร้ายทุกอย่าง

ภัททิมา หรือ ลูกไก่ แสดงโดย ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร (เฟิร์น)
สาวเปรี้ยวจอมซ่า อายุ 23 ปี ตลก โก๊ะ คิดว่าตัวเองแน่แต่พลาดทุกที ชีวิตนี้มีแต่เรื่องความงาม ไม่เคยสนใจเรื่องงาน นิสัยเห็นแก่ตัว ชอบเอาเปรียบคนอื่น หัวสูง หลงตัวเอง

กีกี้ แสดงโดย อาริษา วิลล์ (ลูกตาล)

นางร้ายแสนสวยจอมเซ็กซี่ อายุ 22 ปี หนึ่งในบรรดาสาวๆ ของคีรินทร์ สวยแต่ฟุ้งเฟ้อ ไร้สาระ จับจด ไม่ชอบทำงาน หวังแต่จะหาสามีรวย

นุชนารถ แสดงโดย กวินตรา โพธิจักร (แก้ม)
พยาบาลสาวตัวร้าย อายุ 27 ปี ตีหน้าเรียบร้อย เป็นแม่พระ แต่ที่จริงคบใครเพราะหวังผล จิตใจโหดร้าย ชอบข่มคนอื่นเพื่อปิดปมด้อยของตัวเอง

เขมทัต แสดงโดย ฐาปกรณ์ ดิษยนันทน์ (โอ๋)

พ่อของคีรินทร์ อายุ 55 ปี เจ้าของโรงแรมชื่อดัง เป็นคนใจดี มีเมตตา

มณี แสดงโดย เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ (จิ๊ก)

แม่ของคีรินทร์ อายุ 52 ปี นิสัยเจ้าระเบียบ ขี้บ่น ขี้งก เค็ม อยากได้ลูกสะใภ้ที่เป็นกุลสตรี มีสกุล มีฐานะ

พิพัฒน์ แสดงโดย พศิน ศรีธรรม (ต้าร์)

อายุ 24 ปี เป็นแฟนแพทดวงสมร ลูกผู้ดีมีสกุล รวยแต่เปลือก ที่แท้มีแต่หนี้สินนิสัยไม่เอาไหน ขี้โม้ อยากรวย

วัฒนา แสดงโดย อรุชา โตสวัสดิ์ (เอ)
เพื่อนสนิทและลูกน้องของคีรินทร์ อายุ 28 ปี ดูเป็นหนุ่มสุภาพ สนุกสนาน อารมณ์ดี แต่แท้จริงเก็บกดที่ต้องเป็นเบี้ยล่างคีรินทร์ตลอดมา วัฒนาแอบทะเยอทะยานในใจว่าสักวันเขาต้องดีกว่าคีรินทร์ให้ได้

วันดี แสดงโดย ราตรี วิทวัส (แตน)
หญิงขอทานเจ้าเล่ห์ อายุ 45 ปี นิสัยเห็นแก่ได้ เอาไข่มุกมาเลี้ยงก็เพื่อเป็นตัวหาเงินให้เธอ

โฮซอนซา แสดงโดย รุ่งระวี บริจินดากุล (โอ๋)
นักแสดงดาวร้ายหญิงของเกาหลี สวยแต่ร้าย หลงรักแทยอน ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่เคยสนใจเธอเลย เป็นคู่ปรับของจินจูมาตลอด

ช้อย แสดงโดย ศิรินุช เพ็ชรอุไร (ก้อย)
แม่บ้านของบ้านคีรินทร์ เจ้าระเบียบ จุกจิก แต่เมื่อเห็นความดีของไข่มุก ช้อยก็เปลี่ยนเป็นเห็นใจและกลายเป็นพวกไข่มุก

หนูนา แสดงโดย อนิสา กร้านท์ (แอนนา)
น้องสาวของคีรินทร์ อายุ 8-12 ปี พิการแต่กำเนิด ต้องนั่งรถเข็น แต่เป็นเด็กน่ารัก นิสัยดี ฉลาด แต่ไม่มีใครเห็นความสามารถของเธอ

แพรว แสดงโดย

สาวสวยอีกคนของคีรินทร์ บ้าช้อปปิ้ง ใช้ชีวิตไร้สาระไปวันๆ คอยป่วนไข่มุก

แองจี้ แสดงโดย-
กิ๊กสาวอีกคนของคีรินทร์ ขี้อ้อน ประจบ หวังจับคีรินทร์ให้ได้

เม่น แสดงโดย-
ชายอายุ ชอบลักเล็กขโมยน้อย ติดการพนัน นิสัยกักขฬะ ใจร้อน ชอบทุบตีภรรยา เพื่อไถเงิน

ทวยไทย แสดงโดย-
นักธุรกิจชื่อดัง ร่ำรวย ไล่ซื้อหุ้นของโรงแรมหวังฮุบกิจการของคีรินทร์ นิสัยเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ ชอบตีหน้าเป็นคนดี แต่ที่แท้ไล่ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า

เดช แสดงโดย-
ชายอายุ 25 ปี คนงานของโรงแรม หน้าดุ น่ากลัว แต่ที่จริงเป็นหนุ่มขี้อาย นิสัยดี
ที่มา manager

แผนรักแผนร้าย ตอนอวสาน



อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนอวสาน วันที่ 20 มี.ค. 56

“หยุดนะ พเยีย อย่าทำอะไรลูกฉันนะ”
พเยียหันขวับไปมอง เห็นนภดาราแสดงออกว่ารักกอหญ้า ยิ่งริษยา
“ฉันจะฆ่า แกจะทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ชีวิตฉันคงไม่พังพินาศแบบนี้” พเยียเอาแต่โทษกอหญ้าเช่นเคย
ชิษณุพงษเถียง “ไม่จริง เธอทำตัวเองต่างหาก พเยีย”

แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 14/3



อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 14/3 วันที่ 20 มี.ค. 56

“ขอบคุณนะคะ ที่มา” นภดาราบอก
อรรถยังไม่ทันตอบ อิศรชิงพูดขึ้นขำๆ
“ตอนแรกคุณพ่อเกือบไม่กล้ามาแล้วครับ กลัวจะโดนไล่ลงจากศาลา”
อรรถหน้าม้านทั้งฉุนทั้งเขิน “เฮ้ย แกก็พูดเรื่อยเปื่อย”
“ใครจะไปกล้าทำอย่างนั้นคะ พี่อรรถ” นภดาราบอก

แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 14/2



อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 14/2 วันที่ 20 มี.ค. 56

“ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น” พลางพูดออดอ้อนอรรถ “คุณอย่าเชื่อนะคะ ลูกชายคุณใส่ความฉัน”
“ผมมีหลักฐาน ว่าเมียของพ่อ เป็นพวกเดียวกับคนร้าย” อิศรบอก
“เหลวไหล! คนอย่างสกุณาจะไปเกี่ยวข้อง รู้จักมักจี่กับไอ้กุ๊ยพรรค์นั้นได้ยังไง” อรรถเถียงอย่างมั่นใจ
อิศรยิ้มเยาะ “ได้สิครับพ่อ เมียพ่อกับไอ้นพดลรู้จักกัน ชนิดที่เรียกว่าสนิทแนบแน่นเลยทีเดียวละ”
อิศรหยิบแผ่นซีดีมาชูให้ดู อรรถงง สกุณาหน้าเสีย
“อะไรของแก”

แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 14


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 14 วันที่ 19 มี.ค. 56

อิศรเข้าไปในห้องที่ขังนภดารากับกอหญ้าก่อนหน้านี้ ไม่มีคน อิศรกังวล
“ไปไหนกัน”
ชิษณุพงษ์เดินมาถึงหน้าประตูห้องน้ำ เห็นแง้มไว้ ชิษณุพงษ์หยุดมอง ลังเล พเยียรีบเอาผ้าเช็ดตัวเน่าๆ ที่เจอในห้องน้ำพันกระบอกปืน เพื่อเก็บเสียง เตรียมยิง พร้อมแลกชีวิต ถ้าชิษณุพงษ์เปิดเข้ามา
ชิษณุพงษ์จะเอื้อมมือไปที่ประตู พอดีอิศรโผล่ออกมาจากอีกด้าน

แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 13/3

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 13/3 วันที่ 18 มี.ค. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 13/3 วันที่ 18 มี.ค. 56

ส่วนในห้องพเยียคาดคั้นนภดาราอย่างหนัก
“เซ็นสิ เซ็น”
“สุบรรณโทร.มาพอดี” อิศรกดรับ “ว่าไง สุบรรณ ได้เรื่องอะไรไหม”
สุบรรณอยู่ที่คอนโดอิศร หน้าตาภูมิใจ น้ำเสียงกระตือรือร้น
“ไม่มีครับ คนร้ายไม่ได้ทิ้งเบาะแสอะไรเอาไว้เลย” อิศรเซ็ง “แต่ว่า...”
อิศรซักเร็ว “อะไร”

“ผมเจอยาแก้โรคหัวใจของคุณนภดาราที่คอนโดครับ คนร้ายจับตัวท่านไป แต่ไม่ได้เอายาไปด้วย”
อิศรพยายามเดา “แล้วไง”



สุบรรณ “หมอวิชาญบอกว่า คุณอาดาราต้องทานยานี้เป็นประจำ ไม่งั้นอาการจะกำเริบครับ
ชิษณุพงษ์กับอิศรคุยกัน หน้าตามีความหวัง
“ถ้าพเยียอยากได้สมบัติ พเยียไม่มีทางปล่อยให้คุณอาดาราเป็นอะไรไปก่อนที่ท่านจะแก้พินัยกรรม”
“ถ้าอาการของท่านกำเริบขึ้นมา พเยียต้องทำทุกอย่างให้ท่านปลอดภัย”
อิศรกับชิษณุพงษ์หันตัว เดินกลับไปหาเจ้าของร้านพร้อมกัน
“ขอโทษนะครับ แถวนี้มีร้านขายยาไหมครับ”

ส่วนที่บ้านร้าง พเยียถือปืนในมือ เดินวนเวียนอยู่หน้าห้องขังสองแม่ลูก รอนพดลด้วยความร้อนใจ
กอหญ้าประคองนภดาราเอาไว้ในอ้อมกอด นภดาราหายใจรวยริน
นภดารากระซิบ “กอหญ้า”
“ว่าไงคะ คุณแม่”
นภดาราปรายตามองไปที่พเยียนอกห้อง “ตอนนี้เหลือพเยียอยู่คนเดียวแล้ว หนูต้องหนีไป”
กอหญ้า เหลียวมองไปที่พเยีย แล้วกระซิบตอบ “คุณแม่หายดีแล้วเหรอคะ”
นภดาราส่ายหน้า มองกอหญ้าอย่างแสนรัก “แม่ไปไม่ไหวแล้ว แม่จะแกล้งหาเรื่องถ่วงพเยียเอาไว้ กอหญ้า ลูกทิ้งแม่ แล้วหนีไปคนเดียวเถอะนะ”
กอหญ้ายืนกรานหนักแน่น “ไม่ค่ะ คุณแม่ หนูทำอย่างนั้นไม่ได้”
“แต่ว่าแม่”
กอหญ้ากุมมือแม่ไว้ “เข้มแข็งไว้ค่ะ คุณแม่.... เราจะต้องรอดค่ะ เราจะต้องรอดออกไปด้วยกัน หนูมีวิธี”
กอหญ้ากระซิบที่ข้างหู นภดารามีท่าทางฮึดสู้

ฝ่ายอิศรกับชิษณุพงษ์เดินเข้ามาในร้านขายยา เจ้าของร้านหน้าตาเป็นมิตร พอเห็นรอยเลือดที่แขนชิษณุพงษ์ รีบทัก
“รับยาอะไรครับ”
“มีคนมาถามซื้อยาแก้โรคหัวใจบ้างไหมครับ”
เจ้าของแปลกใจ แต่ก็ตอบ “มีครับ แต่ที่ร้านไม่มี”
“คนนี้หรือเปล่าครับ”
อิศรเอารูปนพดลให้ดู เจ้าของร้านเพ่งมอง
“เอ คนนั้นเค้าใส่หมวกปิดหน้า ผมไม่แน่ใจ” เจ้าของร้านมองออกไปด้านนอกร้าน “โน่นไงครับ เค้ายังอยู่โน่น”
อิศรกับชิษณุพงษ์หันพร้อมกัน เห็นชัดว่าที่ถนนฝั่งตรงข้าม นพดลอยู่ในรถ กำลังขับออกไป อิศรกับชิษณุพงษ์พุ่งออกจากร้านไปขึ้นรถ ขับตามทันที

ฟากพเยียยืนรอ อย่างกระวนกระวาย ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงกอหญ้าตะโกนเรียกพเยีย
“พเยีย! คุณแม่แย่แล้ว มานี่เร็ว พเยีย”
พเยียวิ่งเข้ามาในห้องทันที เห็นนภดารานอนนิ่ง หลับตา หายใจรวยริน พเยียตกใจไม่รู้ว่าเป็นแผนของสองคน
“คุณแม่ตายแล้วเหรอ”
“ยัง...แต่ท่านหมดสติไปแล้ว เธอต้องช่วยฉัน”
“ทำยังไงล่ะ”
“ช่วยประคองท่านขึ้นมาก่อน”
พเยียตกใจกลัวนภดาราตายจนลืมระวัง เข้าไปช่วย กอหญ้าอาศัยทีเผลอ จับมือพเยียบิด ปืนหลุดมือหล่นลงพื้น มืออีกข้างกำหมัดต่อยปลายคางพเยีย พเยียมึน
กอหญ้าผลักพเยียล้ม แล้วเข้าไปหยิบปืน กอหญ้าจ่อปืนไปที่พเยีย
“หยุดนะ... แล้วถอยไปห่างๆ ไม่งั้น ฉันจะยิงเธอ”
พเยียนั่งอยู่ที่พื้น มองหน้ากอหญ้าอย่างเจ็บแค้นใจ แล้วค่อยๆ ถอยไปตามสั่ง กอหญ้าเข้าไปประคองนภดาราที่ดูอ่อนแรงขึ้นมา
“ไปค่ะ คุณแม่”
“แกหนีไปไม่พ้นหรอก”
พเยียขยับจะตาม กอหญ้าดันให้นภดาราเดินออกไป ส่วนตัวเองคอยระวังพเยียเอาไว้
กอหญ้า เล็งปืนไปที่พเยีย “อย่าตามมานะ ไม่งั้น...”
พเยียมองเลยไปด้านหลังกอหญ้าไป แล้วยิ้มเยาะออกมา “ฉันบอกแล้วไง ว่าแกไม่มีทางหนีพ้นกอหญ้าเอะใจ หันไปข้างหลัง”
เห็นนภดาราอยู่ในมือนพดล มีปืนจ่ออยู่ กอหญ้าตะลึง
“คุณแม่”
นภดารารีบบอก “หนีไปลูก หนีไป”
นภดลขู่ “วางปืนลง ไม่งั้น อีนังนี่ตาย”
“อย่านะ อย่าทำอะไรคุณแม่นะ”
พเยียฉวยโอกาสโถมเข้ามาจากข้างหลัง เอาท่อนไม้ฟาดเข้าที่ต้นคอกอหญ้าเต็มแรง กอหญ้าทรุดลงไป ปืนกระเด็นจากมือ

นภดาราตกใจมาก “กอหญ้า... ลูก”
กอหญ้านอนหมดสติ ตาปิดสนิท เสียงฟ้าร้องคำรามดังแว่วเข้ามา ภาพเหตุการณ์ในอดีตตั้งแต่อยู่เชียงใหม่ จนคืนวันเกิดเหตุถูกพเยียทำร้ายประดังกันเข้ามา ทุกภาพแจ่มชัด

กอหญ้าขี่จักรยานให้ชิษณุพงษ์ปั่นและนั่งซ้อนมาตามทาง แล้วโดนรถอิศรเฉี่ยว ลงข้างทาง / ทนายปราบบอกว่ากอหญ้าเป็นทายาท เพราะมีแหวนกับสร้อย / เหตุการณ์ในรถพเยียขอดูสร้อยประจำตระกูล
จนรถเบรคแตก ทุกคนตกใจ รถคว่ำชนตอม่ออย่างแรง และพเยียเอาไม้ตี แล้วเอาสร้อยไป

กอหญ้าลืมตาขึ้นมา ลุกพรวดความทรงจำเก่ากลับมาหมด นอกจากนี้ความทรงจำหลังเกิดอุบัตเหตุก็ไม่เลือนหาย
กอหญ้ากวาดตามองไปทั่ว พบว่าตัวเองนอนอยู่กับพื้นห้องห้องเดิม ส่วนนภดารานั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ มีพินัยกรรมฉบับใหม่อยู่ตรงหน้า พเยียถือปืนประกบข้าง
“พเยีย” กอหญ้าเรียก
“ฟื้นแล้วเหรอ”
กอหญ้าลุกขึ้นมา มองพเยีย
“เธอจงใจฆ่าฉัน”
พเยียยิ้มเยาะ ยังไม่ทันพูดอะไร กอหญ้าก็พูดสวนขึ้นอีก
“ตั้งแต่วันนั้น คุณลุงปราบพาฉันลงมาหาคุณแม่ เธอขอตามมาแล้วพอรถคว่ำ เธอก็ฉวยโอกาสฆ่าฉัน แย่งเอาล็อกเก็ตไป”
ทุกคนมองหน้ากอหญ้า อย่างแปลกใจ พเยียตกใจ “นี่แก”
“ฉันจำได้แล้ว จำได้หมดทุกอย่าง”
“ก็ดี .. ตายไปจะได้ไม่เป็นผีความจำเสื่อม”
พเยียกระชากกอหญ้ามา เอาปืนจ่อหัว เรียกนภดาราเสียงหวาน อาการประชดประชัน
“เอาล่ะค่ะ คุณแม่ พเยียเสียเวลามากแล้ว พเยียจะนับหนึ่งถึงสามนะคะ ถ้าคุณแม่ไม่เซ็นพินัยกรรมให้พเยีย นังกอหญ้าสมองกระจุยแน่” พเยียเริ่มนับ “หนึ่ง”

ส่วนทางด้านอิศรกับชิษณุพงษ์ย่องเข้ามา มีปืนสั้นในมือ อิศรชะเง้อมองเห็นรถของนพดลจอดซุกไว้ เห็นหลังคาบ้านร้างอยู่ไม่ไกล
อิศรมั่นใจ “ที่นี่แน่ๆ”

ฝ่ายนภดาราขยับจะไปหากอหญ้า
“อย่าทำอะไรลูกฉันนะ”
พเยียนับ “สอง”
นภดารามองกอหญ้า ชั่งใจ
“เธอปล่อยลูกฉันไปก่อนได้ไหม ลูกฉันปลอดภัยแล้วฉันจะเซ็นให้”
พเยียทำท่ารำคาญ ขยับปืนเหมือนจะเหนี่ยวไก นภดาราพูดเสียงอ่อนโยน โน้มน้าว
“จริงๆ นะ พเยีย ถ้าเธอปล่อยฉันกับลูกไป ฉันให้สัญญาว่าจะไม่เอาผิดอะไรเธอเลย ฉันเข้าใจเธอนะ ฉันสงสารเธอ ฉันไม่ได้ต้องการจะแก้แค้น หรือลงโทษเธอ ฉันแค่อยากให้ลูกฉันปลอดภัยเท่านั้น”
พเยียสะเทือนใจด้วยความริษยา ที่กอหญ้ามีแต่คนรักมากมาย
“แล้วฉันล่ะ ทำไมแกไม่คิดถึงฉันบ้าง” โกรธจนน้ำตาคลอ “ตอนที่ฉันเป็นลูกแก ทำไมไม่คิดอยากให้ฉันปลอดภัย ทำไมไม่คิด จะไม่เอาผิดฉัน ทำไมไม่คิดจะปล่อยให้ฉันอยู่อย่างมีความสุข ฉันจะได้ไม่ต้องทำแบบนี้!” พเยียกรี๊ด “ทำไม!”
“พเยีย...ฉัน”
พเยียปาดน้ำตา “ไม่ต้องพูด! เซ็น!”
นภดาราจะเซ็น กอหญ้าร้องห้าม
“คุณแม่อย่าเชื่อพเยียค่ะ พเยียไม่มีทางปล่อยเราไป”
พเยียมองหน้ากอหญ้าอย่างเกลียดชัง นภดาราพูดอย่างอ่อนโยน
“แม่ยอมเสี่ยงจ้ะ” มองหน้าพเยีย “แม่ยอมเสี่ยงเชื่อใจพเยีย” คราวนี้หันมามองกอ
หญ้าด้วยความรัก “แม่ยอมเสี่ยงแลกทุกอย่างที่แม่มี เพื่อความปลอดภัยของหนู”
นภดาราเซ็น พเยียหยิบพินัยกรรมไปดู ยิ้มเลือดเย็น
“เอาละ เสร็จธุระแล้ว ขอบใจมาก”
นภดาราตะลึง “แล้วกอหญ้าล่ะ พเยีย”
พเยียยิ้มเยาะ ยังไม่ทันตอบ นพดลก็เดินเข้ามา
“เร็วๆ เข้า พเยีย เสียเวลามามากแล้ว”
พเยียหันไปมองนภดารา แววตาเย้ยหยัน แล้วหันไปสั่งนพดล
“เอาตัวมันสองคนไปที่กระท่อมข้างหลัง” นภดารากับกอหญ้าตกใจ “ยิงทิ้ง แล้วเผาทุกอย่าง อย่าให้มีหลักฐานอะไรเหลือมาถึงฉันได้”
นพดลกระชากตัวสองแม่ลูกมา พเยียยืนถือปืนคุมออกไป

ขณะเดียวกันอิศรกับชิษณุพงษ์แอบอยู่หลังต้นไม้หน้าบ้านร้าง
“ผมจะเข้าไปดูข้างในบ้าน คุณไม่มีปืน แถมยังบาดเจ็บ รอตำรวจอยู่นี่ดีกว่า” อิศรบอก
“มันมีกันสองคนนะ มีปืนด้วย”
“ไม่ต้องห่วง ผมจะระวัง”
อิศรกระชับปืนในมือด้วยท่าทางมั่นใจ แล้วเข้าไป ชิษณุพงษ์มองตาม หน้าตาไม่เชื่อถือ
“ผมไม่ได้ห่วงคุณหรอกน่ะ”
ชิษณุพงษ์แอบลัดเลาะไปด้านข้าง

นภดารากับกอหญ้าโดนมัดเอาไว้ด้วยกันที่พื้น กอหญ้าขอร้อง
“อย่าทำฉันเลยนะ ...ปล่อยฉันไปเถอะ”
“ฉันขอร้องล่ะ ถ้าเธอปล่อยฉันกับลูกไป ฉันรับรอง ฉันจะไม่เอาเรื่อง” นภดาราขอร้อง
“นึกว่าฉันโง่หรือไง ถ้งแกไม่เอาเรื่อง ตำรวจเค้าก็เอาโว้ย... พูดมาก เดี๋ยวปั้ด”
นพดลเอาปืนขู่ สองแม่ลูกกลัวหงอ

ขณะที่พเยียกลับเข้ามาทางประตูหลัง กำลังเก็บพินัยกรรมใส่กระเป๋าเตรียมเผ่น พอดีทำปืนตก พเยียก้มลงเก็บ แล้วได้ยินเสียงไม้กระดานลั่นเอี๊ยด ดังมาจากหน้าบ้านพเยียชะงัก คลานไปแอบดู แทนสายตา เห็นอิศรย่องเข้ามาอย่างระมัดระวัง ในมือมีปืน พเยียตกใจ รีบคว้าของแล้วหนีไปด้านหลังบ้านทันที
ด้านนพดลเอาปี๊บที่ใส่น้ำมันขึ้นมา เอาราดไปตามผนังและส่วนต่างๆ ของห้อง กอหญ้ากับนภดารามอง ใจระทึก

พเยียจะออกประตูหลัง พอดีเห็นชิษณุพงษ์ พเยียชะงัก แล้วลนลาน หาที่ซ่อนตัว พเยียเข้าไปหลบซ่อนตัวในห้องน้ำ ปิดประตู แต่โชคร้าย ประตูดันล็อกไม่ได้ ในขณะที่อิศรเปิดเข้าไปในห้องที่ขังกอหญ้า เห็นเชือกขาด และเศษกระจก
ชิษณุพงษ์เข้าบ้านมาทางด้านหลังบ้าน มองไปรอบๆ อย่างระวัง ไม่เห็นใคร ชิษณุพงษ์เห็นท่อนเหล็กขนาดเหมาะมือ จึงคว้ามาเป็นอาวุธ
ส่วนในห้องน้ำ พเยียแอบอยู่หลังประตู ลุ้นสุดขีด
อิศรเข้าไปในห้องที่ขังนภดารากับกอหญ้าก่อนหน้านี้ ไม่มีคน อิศรกังวล
“ไปไหนกัน”

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 13/3 วันที่ 18 มี.ค. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager

แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 13/2



อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 13/2 วันที่ 17 มี.ค. 56

“ฉันอยู่นี่ มีอะไรว่ามา”
กอหญ้าลุกขึ้น หันมาเผชิญหน้า
“คุณอาดาราต้องการให้เธอสารภาพ ยอมรับผิด ว่าเธออยู่เบื้องหลังการตายของทุกคน ที่วังศิวาลัย”
พเยียยิ้มในสีหน้า ถามอย่างใจเย็น “ทำไมฉันต้องสารภาพ”
“ถ้าเธอยอมสารภาพ ท่านจะให้เงินเธอสองร้อยล้าน”

ระหว่างนั้นที่อีกมุมหนึ่งในสวน อิศรแอบอยู่หลังต้นไม้ มองไปที่พเยียและกอหญ้า เห็นกอหญ้ากับพเยียยืนคุยกันนิ่งๆ ไม่มีวี่แววว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรง


ส่วนกอหญ้าพยายามโน้มน้าวพเยียต่อ
“เธอไม่มีทางอื่นที่ดีกว่านี้หรอก ยังไงเธอก็ต้องโดนจับ สารภาพเองไม่ดีกว่าหรือ อย่างน้อย ถ้าเธอพ้นโทษออกมาได้ เธอก็จะมีเงินก้อนใหญ่เอาไว้ใช้”
พเยียมองหน้ากอหญ้า แล้วตอบซื่อๆ
“ตกลง”
กอหญ้าชะงัก แทบไม่เชื่อว่าพเยียจอยอมง่ายๆ “อะไรนะ”
พเยียมองโทรศัพท์ในมือกอหญ้า พลางยื่นมือออกมา
“จะให้ฉันสารภาพใช่ไหม เอาโทรศัพท์มาสิ ฉันจะพูดอัดเสียงลงไปให้”
กอหญ้า ไม่อยากเชื่อ ว่าจะง่ายดายอย่างนี้ แต่ก็ยอมส่งโทรศัพท์ให้
ฟากอิศรชะเง้อมอง แปลกใจเช่นกัน
“ง่ายๆ อย่างงี้เลยเหรอ ไม่น่าเชื่อ”
พเยียเอาโทรศัพท์ของกอหญ้ามาถือไว้ มองหน้ากอหญ้าแล้วพูดยิ้มๆ ทำท่าเหมือนกำลังอัดเสียง
“ฟังฉันดีๆ นะ กอหญ้า แล้วห้ามเอะอะโวยวาย ทำตัวมีพิรุธเป็นอันขาดไม่งั้น หม่อมหลวงนภดาราตายแน่”
กอหญ้าตกใจ พเยียรีบเตือน
“อย่า! บอกแล้วไง ว่าอย่าทำตัวมีพิรุธ พี่นพดลตามไปที่คอนโด แล้วจับตัวคุณแม่เอาไว้ได้แล้ว ถ้าเธอไม่อยากให้ท่านเจ็บตัว ไปกับฉันซะดีๆ”
“พเยีย เธอจะทำอะไรคุณอา” กอหญ้าตื่นตกใจ
พเยียเหยียดยิ้มพูดดักคอ “มากับฉัน เดินมาด้วยกันดีๆ อย่าตุกติก ฉันรู้นะ ว่าบอดี้การ์ดสุดหล่อของเธอมันกำลังแอบดูเราอยู่…ไป”
กอหญ้าไม่มีทางเลือก ต้องเดินตามพเยียไป พเยียคว้ากอหญ้ามาโอบเอวเหมือนสนิท
“เดินดีๆ อย่ามีพิรุธ ไม่งั้นฉันโทร.กริ๊กเดียว คุณแม่เจ็บตัวแน่”
พเยียพากอหญ้าเดินไป แต่แอบเอาปืนจี้เอวกอหญ้าไว้
อิศรมองอยู่ตลอดเวลา เริ่มเอะใจ
“ท่าไม่ค่อยดี เอาไงดีวะ”
อิศรตัดสินใจแอบย่องตามไป

ไม่นานนักพเยียพากอหญ้าเดินมาที่รถของตัวเองตรงริมถนน เปิดประตูข้างคนขับ พูดขู่เสียงนิ่งๆ
“เข้าไปในรถ อย่าร้องนะ ไม่งั้นคุณแม่ตาย”
กอหญ้ายังไม่ยอมขึ้นรถ พยายามพูดถ่วงเวลา
“พเยีย...อย่าทำผิดอีกเลยนะ แค่นี้เธอก็...”
“เข้าไป” พเยียเสียงดังขึ้นอีก
กอหญ้า ขืนตัวไว้ แล้วหันไปเห็นอิศรอยู่ไกลๆ
“คุณอิศร ช่วย...”
กอหญ้าพูดไม่ทันจบคำ ยินเสียงดังพลั่ก! พเยียใช้สันปืนทุบก้านคอกอหญ้าจังๆ
อิศรตามมาและแอบดูอยู่ ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างกอหญ้าทรุดลงกับพื้น
“กอหญ้า”
พเยียผลักร่างกอหญ้าเข้าไปในรถแล้วปิดประตู อิศรวิ่งตามมาไม่ทัน ได้แต่ร้องตะโกนอย่างโมโห
“หยุดนะ พเยีย กอหญ้า กอหญ้า”
อิศรเห็นรถพเยียพุ่งไปไกลแล้ว อิศรชะงัก ทั้งตกใจ ทั้งโกรธตัวเอง อิศรรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดด่วน
“ครับ ผมชื่ออิศร อดิศวรนะครับ ผมขอแจ้งเหตุร้าย มีคนลักพาตัวแฟนผมไปครับ”

ชิษณุพงษ์ได้สติขึ้นมา ยังไม่รู้ตัวว่าอยู่ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล รีบลุกขึ้น
“คุณอา” ชิษณุพงษ์รู้สึกเจ็บตรงแขนที่เจาะให้เลือดอยู่ร้อง “โอ๊ย”
แตงรีบเข้ามาดู
“คุณณุ” พร้อมกับจับไว้ “ระวังค่ะ หมอให้เลือดอยู่”
“แตง” ชิษณุพงษ์งุนงง “ฉันมาที่นี่ได้ยังไง แล้วเธอล่ะ”
“รปภ. เค้าไปเจอคุณณุนอนจมกองเลือดอยู่ เลยพามาส่งโรงพยาบาล แล้วเค้าก็ใช้มือถือคุณณุ โทร.ไปที่บ้าน...มันเกิดอะไรขึ้นคะ คุณณุ” แตงเล่าปิดท้ายด้วยคำถาม
ชิษณุพงษ์ยังจะลุกไปให้ได้ “ไอ้คนที่ชื่อนพดลมันทำร้ายฉัน มันจับตัวคุณอาดาราไป”
แตงห้ามไว้ “เดี๋ยวแตงไปแจ้งตำรวจเองค่ะ”
“แล้วกอหญ้าล่ะ กอหญ้าอยู่ไหน เค้ารู้เรื่องนี้หรือยัง”

แตงทำตาปริบๆ สีหน้าลำบากใจสุดๆ เหมือนไม่อยากพูดว่ากอหญ้าอยู่ไหน
ขณะเดียวกันสุบรรณจอดรถอยู่บริเวณริมถนนสายเปลี่ยวแห่งหนึ่ง กำลังโทรศัพท์หาอิศร

“เป็นยังไงบ้างครับ คุณอิศร ได้เรื่องอะไรบ้างไหม”
อิศรยืนอยู่กับตำรวจ ที่กำลังตรวจสอบรถของพเยียที่จอดทิ้งไว้ สีหน้าอิศรกลัดกลุ้มมาก
“เราเจอรถของพเยียจอดทิ้งไว้ข้างถนน แต่คนหายแล้ว ไม่รู้ว่าหายไปไหน” อิศรบอก
“คุณนภดาราก็หายไปด้วยครับ ผมว่า คุณพเยียคงพาคุณกอหญ้าไปหาคุณนภดาราแน่ๆ”
อิศรได้คิด “งั้นแกไปเจอฉันที่คอนโดเดี๋ยวนี้เลย สุบรรณ ถ้าเราหาตัวคุณอาดาราเจอ เราก็ต้องเจอกอหญ้า”
อิศรวางสายด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

รถคอนเทนเนอร์ที่นพดลเช่ามา ขับแล่นมาตามทาง กอหญ้าโดนมัดนอนกลิ้งไปมาอยู่หลังรถ เมื่อกอหญ้าได้สติ พยายามลุกขึ้น หาทางเอาตัวรอด แต่รอบด้านเป็นผนังตู้คอนเทนเนอร์ทึบ กอหญ้าไม่รู้จะทำยังไง
ส่วนที่ด้านหน้า นพดลเป็นคนขับ มีพเยียนั่งอยู่ข้างๆ
“แล้วพี่เอาคุณแม่ไปไว้ที่ไหน”
นพดล ยิ้มล้อ “โอ้โห เรียกคุณแม่เต็มปากเชียวนะ”
“มันเคยปากน่ะ อย่ามานอกเรื่องดีกว่า พี่เอามันไปไว้ไหน ปลอดภัยดีหรือเปล่า”
“ไม่ต้องห่วงน่ะ อีกอึดใจเดียว เราก็เป็นเศรษฐีกันแล้ว พเยีย”
รถแล่นมาถึงบริเวณสี่แยก นพดลจอดรถติดไฟแดงอยู่ จู่ๆ มีมอเตอร์ไซค์พลเมืองดีมาจอดข้างๆ รอไฟแดงเช่นกัน
ด้านกอหญ้าเห็นรถหยุด ตัดสินใจยกเท้าถีบ แล้วเอาตัวกระแทกรถตู้ หวังให้เกิดเสียงคนขับมอเตอร์ไซค์ได้ยิน หันไปมอง เห็นเหมือนมีอะไรกระแทกตู้ดังตึงๆ แล้วได้ยินเสียงตะโกนตามมา
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
คนขับมอเตอร์ไซค์ตกใจ รีบเลื่อนตัวไปข้างหน้า ตะโกนบอกพเยียกับนพดล
“น้องครับ น้อง มีคนติดอยู่ในตู้ข้างหลังแน่”
พเยียตกใจ “พี่นพ ซวยแล้ว”
คนขับมอเตอร์ไซค์จอดรถแล้วลงจากรถ มาเกาะข้างประตูรถนพดล
“น้อง มีคนอยู่หลังรถแน่ะ เค้าร้องให้ช่วยใหญ่เลย น้องเปิดหลังรถดูหน่อยสิครับ”
“พี่นพ เอาไงดี” พเยียลนลาน
นพดลนิ่งคิดมองไปเห็นไฟยังแดงอยู่ นพดลตัดสินใจเหยียบคันเร่งทะยานออกไป กระแทกชายคนขับมอเตอร์ไซค์ล้มกลิ้ง
“เฮ้ย อะไรวะ”
คนขับมอ’ไซค์มองตามงงๆ เห็นท้ายรถแล่นฝ่าไฟแดงออกไป รถคันอื่นที่วิ่งมาต้องเบรคกันดังสนั่น
ส่วนที่ด้านหลังรถ กอหญ้าล้มกลิ้งตามแรงเหวี่ยงของรถ เจ็บจนจุก
รถเช่าของนพดลก็รอดไปได้
คนขับมอ’ไซค์จำทะเบียนรถเช่าได้แม่นยำ

ทางด้านนภดาราถูกนพดลขังไว้ที่บ้านร้างในสวนแห่งหนึ่ง โดยนั่งอยู่บนเก้าอี้ มีเชือกผูกมือ ผูกขาเอาไว้แน่นหนา นภดาราพยายามร้องให้คนช่วย
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย มีใครได้ยินไหมคะ ฉันโดนจับมาขังไว้ค่ะช่วยด้วย”
มีเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามา ไม้กระดานบ้านลั่นอ๊อดแอ๊ด นภดาราใจเต้น กลัวก็กลัว หวังก็หวัง ตัดสินใจตะโกนออกไป
“ใครอยู่ข้างนอกคะ ช่วยฉันด้วยค่ะ ช่วยปล่อยฉันออกไปที แล้วฉันจะให้รางวัล”
ประตูเปิดผัวะ นภดาราชะงัก ผงะ เมื่อเห็นพเยียเดินเข้ามา ทั้งกลัว โกรธและเกลียด
“พเยีย”
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ ไม่เห็นกันตั้งวันนึง คุณแม่ไม่คิดถึงพเยียเหรอคะ”
“อย่ามาเรียกฉันว่าแม่” พเยียชักสีหน้า “เธอไม่ใช่ลูกฉัน เธอทำอะไรเอาไว้ ฉันรู้หมดแล้ว”
พเยียเหยียดยิ้ม เดินเข้ามาหานภดารา
“ก็ดี จะได้ไม่ต้องปั้นหน้าใส่กัน” พเยียร้องเรียก “พี่นพ”
นพดลเดินตามเข้ามา เอาพินัยกรรมที่เขียนใหม่เรียบร้อย วางลงตรงหน้านภดารา
“อ่ะ เซ็นชื่อซะ”
นภดาราไม่ยอม “ไม่”
พเยียเอาปากกามาเตรียมพร้อม นภดารามองพินัยกรรม
“เซ็นซะ ไม่งั้นฉันจะ...”
นภดารามองหน้า พูดท้าทาย
“เธอทำอะไรฉันไม่ได้หรอก เพราะถ้าฉันตาย เธอก็ไม่ได้สมบัติอยู่ดี”
พเยียยิ้มสะใจ
“จริงด้วย...ถ้างั้น ฉันฆ่าลูกแกดีกว่า”
นภดาราใจหายวาบ
“กอหญ้า”
พเยียหัวเราะเยาะ “รู้แล้วเหรอ ดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย”
“กอหญ้าอยู่ที่ไหน เธอจับลูกฉันมาเหรอ ตอนนี้ลูกฉันอยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่นี่แหละ” ยื่นปากกาไปให้อีก “เซ็นซะ แล้วฉันจะให้แม่ลูกได้เจอกัน”
นพดลขู่เสริม “แต่ถ้ามัวแต่อืดอาดยืดยาก แกอาจจะได้เห็นแค่นิ้ว หรือใบหู ของนังกอหญ้า ลูกสาวแก”
นภดารารับปากกามา มือไม้สั่น ห่วงกอหญ้า
ทางด้านกอหญ้านั่งอยู่ในห้อง มองไปรอบๆ พบว่าตัวเองถูกมัดอยู่ในห้องอับทึบห้องหนึ่ง ในห้องไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไร นอกจากพวกลังกระดาษเก่าๆ กับตู้เสื้อผ้าเก่าๆ
กอหญ้าพยายยามเข้าไปใกล้ ยกเท้าถีบกระจก จนกระจกแตกกระจายลงมาที่พื้น กอหญ้าพยายามถดตัวเข้าไปหยิบกระจกขึ้นมา และพยายามใช้กระจกตัดเชือกที่มัดข้อมือตัวเอง

กอหญ้ามุ่งมั่นตัดเชือก โดยไม่สนใจว่ามือ นิ้วและข้อมือกอหญ้าถูกกระจกบาด จนมีเลือดซึมออกมา
ฝ่ายนภดารากำลังต่อรองกับพเยีย

“ขอฉันเจอหน้าลูกก่อน ฉันอยากเจอลูก”
พเยียมองนภดาราอย่างโกรธขึ้ง
“เซ็นชื่อก่อน”
“ไม่ จนกว่าฉันจะได้เห็นหน้าลูก”
“เอ๊ะ อีนี่ กูบอกให้เซ็น”
นพดลบันดาลโทสะ กระชากนภดาราให้หน้าหงายขึ้น ตบไปฉาดใหญ่ นภดาราเลือดกบปาก แต่ไม่กลัว
“เธอสองคนอาจจะหลอกฉันก็ได้ ฉันต้องเห็นหน้าลูกก่อน ฉันต้องเห็นก่อน ว่าลูกฉันปลอดภัย”
นพดลขยับจะตบอีก พเยียคว้ามือไว้ ส่ายหน้าห้าม นภดาราหันไปอ้อนวอน
“พเยีย เธอก็รู้ ว่าลูกสำคัญกับฉันมากกว่าทรัพย์สินอะไรในโลก ขอให้ฉันได้เจอหน้าลูกก่อนเถอะนะ ให้ฉันแน่ใจก่อน ว่าลูกฉันปลอดภัย แล้วฉันจะเซ็นพินัยกรรมให้เธอ”
พเยียมองหน้านภดารา แววตาริษยา เจ็บปวด
“ได้สิ” พเยียหันไปหานพดล “พี่นพ ไปเอาตัวนังกอหญ้ามา”
นพดลเดินออกจากห้องไป
พเยียมองนภดารา ด้วยแววตาเกลียดชัง

นพดลเปิดประตูห้องเข้ามา ชะงักมองเห็นเศษแก้ว และเชือกที่พื้น
“นังกอหญ้า”
นพดลเห็นหน้าต่างด้านหนึ่งเปิดอยู่ นพดลวิ่งไปชะโงกมองตาม ไม่เห็นใคร นพดลตกใจ ตะโกนลั่น
“พเยีย ..พเยีย มานี่เร็ว”
พเยียวิ่งมา หน้าตาขัดใจ
“เอะอะโวยวายอะไร” พเยียชะงัก เมื่อเห็นห้องว่างเปล่า “นังกอหญ้าล่ะ”
“มันหนีไปแล้ว”
ทั่วทั้งห้องว่างเปล่ามีแต่เศษเชือกกับเศษแก้วระเกะระกะอยู่ พเยียกำมือแน่น สายตาวาววับด้วยความโกรธแค้น หันไปพยักหน้าบอกนพดล
“มันยังหนีไปไม่ได้ไกลหรอก พี่นพ”

กอหญ้าวิ่งหลบไปตามท้องร่องสวน พยายามแอบซ่อนตัว ตาสอดส่ายมองไปรอบๆ เห็นแต่ต้นไม้รกครึ้ม ไม่มีบ้านคน กอหญ้าหน้าเสีย
“ที่นี่มันที่ไหนก็ไม่รู้”
กอหญ้าทำท่าจะหนีต่อไป แล้วได้ยินเสียงปืน ปัง! ดังมาจากบ้านร้าง กอหญ้าชะงัก
“เสียงปืน!”
แล้วได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องอย่างตกใจ เจ็บปวด กอหญ้าหน้าเสีย
“คุณอาดารา!”

นภดาราโดนยิงถากๆ ที่แขนซ้าย เลือดไหลซึม พเยียยืนมองอย่างเลือดเย็น
“ช่วยไม่ได้นะ คุณบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้เอง”
นภดาราเจ็บปวด แต่ฝืนเข้มแข็ง “ที่ผ่านมา ฉันรักเธอ ฉันดีกับเธอมาตลอดทำไมเธอทำกับฉันอย่างนี้ พเยีย”
“ดีเหรอ รักเหรอ ถ้าแกรักฉันจริง ป่านนี้ฉันก็เสวยสุขไปแล้วซี ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก”
พเยียเข้ามากระชาก ให้นภดาราเงยหน้าขึ้น
“ทั้งแก ทั้งพ่อแก ทั้งอาแก ทั้งนังชื่น ไม่มีใครรักฉัน ไม่มีใครอยากให้ฉันได้ดีมีสุข ฉันถึงต้องทำแบบนี้”
“ไม่จริง...ฉันรักเธอ เธอต่างหากที่ปล่อยให้ความโลภ ความอิจฉาริษยามาบังตา จนมองไม่เห็นความดีของใครทั้งนั้น”
พเยียจิกหัวนภดาราจนแหงนหงาย “ไม่ต้องมาสอน ฉันไม่ใช่ลูกของแกแล้วเซ็นพินัยกรรมให้ฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแก”

กอหญ้าพยายามแอบดูเหตุการณ์จากรอยแตกข้างบ้าน
“พเยียไม่ใช่ลูกของคุณอาจริงๆ ด้วย”
กอหญ้าเห็นนภดาราโดนทรมาน กลุ้มใจ หันมองหาอาวุธ แต่ไม่มี
“จะช่วยคุณอายังไงดี”

ส่วนในห้องพเยียคาดคั้นนภดาราอย่างหนัก
“เซ็นสิ เซ็น”

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 13/2 วันที่ 17 มี.ค. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager

แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 13

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 13 วันที่ 16 มี.ค. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 13 วันที่ 16 มี.ค. 56

“คุณอาทานยาคลายเครียดไปแล้วค่ะ อีกประเดี๋ยวคงหลับ คุณมารับฉันได้เลย”
“โอเค ไม่เกิน 20 นาที เธอลงมารอได้เลย”
กอหญ้าวางสาย เดินกลับมาในห้องนั่งเล่น นภดารานั่งเอนซบกับพนักโซฟา กอหญ้าเดินไปจับให้เอนสบาย เอาหมอนรองศีรษะให้ แล้วพนมมือพูดเบาๆ
“ยกโทษให้หนูนะคะ คุณอา หนูทำไปเพราะหนูรักคุณอาจริงๆ นะคะ”

รถอิศรขับออกจากบ้านไปด้วยความเร็วสูง และไม่นานนัก อิศรขับรถแล่นมาบนถนนสายหนึ่ง ส่วนบนถนนอีกเส้นหนึ่ง นพดลกำลังขับรถมาตามทาง เป็นรถบรรทุกที่เป็นตู้ขนของ ด้านหลังปิดมิดชิดตามองสัญญาณที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของตน


นพดลยิ้มออกมาพูดกับตัวเอง
“เสร็จกูล่ะ”

ทางด้านพเยียแต่งตัวทะมัดทะแมงพร้อมออกจากบ้าน นั่งจิบกาแฟวางมาดอย่างสง่าอยู่ที่หัวโต๊ะแทนที่นภัสรพีเพียงลำพัง สีหน้านิ่งเฉย รอคอยบางอย่าง โทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“ได้เรื่องไหมพี่”
นพดลจอดรถหลบมุมซุ่มดูอยู่ที่หน้าคอนโดอิศร
“ไอ้อิศรมันมาที่คอนโด” นพดลบอกชื่อคอนโด
“คุณแม่คงอยู่ที่นั่นแน่ๆ” พเยียดูนาฬิกา “เดี๋ยวเค้าจะออกมาหาฉัน พี่ลองดูซิ ทำยังไงถึงจะจับตัวคุณแม่มาได้”
“โน่นไงลงมาแล้ว...เอ๊ะ”
นพดลเห็นกอหญ้าเดินเข้ามาหาอิศรที่รออยู่ที่รถ แล้วขึ้นรถขับออกไป
“พเยีย มันออกไปกันแล้ว กอหญ้าไปกับไอ้อิศร แต่หม่อมหลวงนภดาราไม่ได้ไปด้วย”
พเยียลุกพรวด หงุดหงิดขึ้นมา “นี่คุณแม่หลอกฉันหรือนี่”
“เอาไงต่อ จะให้พี่ตามไหม”
“ไม่ต้อง...พี่อยู่ที่นั่นแหละ หาทางจับตัวคุณแม่มาให้ได้”
“แล้วพเยียล่ะ”
“ในเมื่อนังกอหญ้ามันอยากเจอฉัน ฉันก็จะจัดให้”
พเยียวางสาย หยิบกระเป๋าถือข้างตัวมาเปิดดู เห็นปืนสั้นที่นพดลให้ไว้วันก่อนอยู่ข้างใน

ขณะที่นพดลกำลังจะเข้าไปที่ล้อบบี้คอนโด แต่ดันเห็นชิษณุพงษ์มา เลยชะงัก หลบมุมแอบมองอยู่
ชิษณุพงษ์มาติดต่อที่เค้าน์เตอร์
“ผมมาขอพบแขกที่พักอยู่ในห้อง 201 ครับ ห้องของคุณอิศรน่ะ”
“อ๋อ คุณกอหญ้ารึเปล่าครับ...เพิ่งออกไปตะกี๊นี้เอง คุณอิศรขับรถมารับไป” รปภ.ซึ่งอยู่ตรงนั้นบอก
ชิษณุพงษ์ถามต่อ “แล้วคุณนภดาราล่ะครับ”
“น่าจะยังอยู่ครับ...เดี๋ยวผมโทรแจ้งก่อน”
รปภ.กดโทรศัพท์ นพดลแอบสังเกตการณ์อยู่ ขณะที่ที่รปภ.บอกชิษณุพงษ์
“ไม่มีคนรับสายเลยครับ”
ชิษณุพงษ์ฉงน “หรือว่าไม่อยู่”
“น่าจะอยู่นะครับ คุณเค้าไม่เคยออกจากห้องไปไหน” รปภ. ว่า
ชิษณุพงษ์เอะใจ นึกเป็นห่วง “หรือว่าจะเป็นอะไร ยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่ด้วย คุณไปกับผม ไปเรียกที่ห้องดีกว่า”

รปภ. พยักหน้า หันไปเปิดลิ้นชักตู้ หยิบกระเป๋าใบใหญ่ออกมา ซึ่งข้างในเป็นกุญแจสำรองฉุกเฉิน
“ผมเอากุญแจสำรองไปด้วยดีกว่า”
ชิษณุพงษ์กับรปภ. ออกไป
นพดลออกมาจากมุมที่ซ่อน ตรงมาที่เคาน์เตอร์ เปิดดูข้อมูลที่จอคอมพ์ที่เปิดทิ้งไว้
“ห้อง 201 ชั้น 20”
นพดลคิดๆ จะไปยังไงดี
ไม่นานนักชิษณุพงษ์กับรปภ. ออกจากลิฟต์ เดินแกมวิ่งไปที่หน้าห้องอิศร ชิษณุพงษ์กดออด
“คุณอาดาราครับ”
ชิษณุพงษ์ทั้งกดออด ทั้งเคาะประตู
“คุณอาดาราครับ นี่ผมเองครับ ชิษณุพงษ์”
ไม่มีใครมาเปิดประตู ข้างในยังเงียบ ชิษณุพงษ์ตัดสินใจขยับลูกบิด ประตูใส่กลอน
ชิษณุพงษ์ใจเสีย “เปิดเข้าไปดีกว่าครับ”
รปภ.เปิดกุญแจห้องอิศร ระหว่างนั้นประตูลิฟต์ขนของเปิดออก นภดลย่องออกมา ขณะที่ชิษณุพงษ์กับรปภ. เข้ามาในห้อง

“คุณอาดาราครับ”
ชิษณุพงษ์ เห็นนภดารานั่งซบหลับอยู่ที่โซฟา ชิษณุพงษ์ ปราดเข้าไปหาอย่างตกใจ รปภ.ตามเข้ามาด้วยอย่างพร้อมช่วยเหลือเต็มที่
“คุณอาครับ คุณอา เป็นอะไรหรือเปล่า”
ชิษณุพงษ์เข้าไปเขย่าปลุกนภดาราเบาๆ
“คุณอาดาราครับ” ชิษณุพงษ์หันไปพูดกับ รปภ. “ช่วยเรียกรถพยาบาลเลยครับ”
นภดาราค่อยๆ รู้สึกตัว ถามงงๆ “ชิษณุพงษ์?”
ชิษณุพงษ์หันกลับมาหานภดาราอย่างดีใจ
“คุณอา...คุณอาเป็นอะไร” นภดาราพยายามเรียกสติกลับมา “แล้วกอหญ้าไปไหนครับ ทำไมทิ้งคุณอาไว้คนเดียวอย่างนี้”
“กอหญ้า...กอหญ้าไม่อยู่” ชิษณุพงษ์พยักหน้า นภดาราเดาเรื่องออก “กอหญ้าต้องออกไปหาพเยียแน่ๆ”

สีหน้านภดาราหวาดหวั่นและวิตก เป็นห่วงกอหญ้าเอามากๆ
อิศรขับรถมาจอดตรงริมถนน บริเวณหน้าสวนสาธารณะที่อยู่ติดริมแม่น้ำ อิศรดับเครื่องยนต์ สอดสายตามองเข้าไปในสวน แล้วบอกกับกอหญ้า

“พเยียอยู่ไหน ไม่เห็นเลย”
กอหญ้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

พเยียอยู่ในรถ ที่จอดอยู่ริมถนนอีกด้าน กำลังรับสายกอหญ้า
“ว่าไง กอหญ้า”
“ฉันมาพบคุณแทนคุณอาดารา ท่านมีข้อเสนอ ที่อยากให้ฉันมาบอกกับคุณ”
พเยียยิ้มขณะบอก “ฉันรออยู่”
“คุณอยู่ตรงไหน”
“เธอเดินเข้ามาในสวนแล้วนั่งรอที่เก้าอี้” พเยียระบุสถานที่ “ฉันจะไปหาเธอเอง...มาคนเดียวนะ”
กอหญ้ากดวางสาย เห็นเบอร์โทร.เข้า
“ชิษณุพงษ์โทร.มา”
อิศรแย่งโทรศัพท์มา พูดกวนๆ โชว์พาวสุดขีด
“ฮัลโหล ผมอิศรเองครับ คุณชิษณุพงษ์ ไม่ทราบมีเรื่องอะไร”

ชิษณุพงษ์อยู่ที่คอนโด กดวางโทรศัพท์ หน้าตาหมั่นไส้อิศรนิดๆ
“กอหญ้าไปพบพเยียแทนคุณอาจริงๆ ด้วยครับ”
“ไม่น่าเลย กอหญ้าไม่น่าเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนี้”
“ผมว่ากอหญ้าทำถูกแล้วล่ะครับ คุณอาอ่อนแอมาก ถ้าไป อาจจะเสียทีพเยียก็ได้” ชิษณุพงษ์ เข้าใจความรู้สึกไม่อยากพูดถึงพเยียอีก “คุณอิศรก็อยู่ด้วย กอหญ้าคงไม่เป็นไร”
“ก็ขอให้จริงอย่างที่ชิษณุพูดเถอะ กอหญ้าเป็นคนอื่นแท้ๆ ถ้าเค้าต้องเจ็บตัวหรือเป็นอะไรไปเพราะเรื่องนี้ อาคงจะแย่”
ชิษณุพงษ์ตัดสินใจพูดอย่างระวัง “กอหญ้าอาจจะไม่ใช่ “คนอื่น” สำหรับคุณอาก็ได้นะครับ”
“ชิษณุว่าอะไรนะ”
นภดาราตื่นเต้น เริ่มมั่นใจว่าสิ่งที่ตนสงสัยอาจจะเป็นจริง

ส่วนกอหญ้าเดินมาถึงเก้าอี้ที่นัดกับพเยีย อิศรจะเดินตามเข้ามาด้วย กอหญ้าหันไปไล่
“ไปได้แล้วค่ะ ตะกี๊ที่โทร.นัดกัน คุณพเยียสั่งให้ฉันมาคนเดียว”
อิศรยังงอแงสุดๆ ไม่ยอมไป “ฉันไปนั่งที่เก้าอี้ตัวโน้นก็ได้”
กอหญ้าหมั่นไส้เลยต้องขู่ “เค้าเห็นคุณแล้วไม่ยอมออกมา แผนของคุณอาก็เสียหมดนะคะ”
อิศรจำใจเดินออกไป แล้วหันมาสั่งอีก
“ฉันอยู่ในรถนะ แต่ไม่ต้องกลัว ฉันจะคอยมองเธอไม่คลาดสายตา”
อิศรเดินไปกอหญ้าลงนั่งรอ
ห่างออกไปจากบริเวณนั้น พเยียแอบอยู่หลังต้นไม้ โผล่หน้ามาแอบมอง หน้าตามีแผนร้าย

ฟากชิษณุพงษ์เล่าเรื่องให้นภดาราฟัง
“คุณแม่วันเพ็ญ แม่ชีที่อยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบอกผมว่า พเยียไม่เคยมีล็อกเก็ตอะไรติดตัวมาเลย”
นภดาราไม่ได้ตกใจ “อาไม่แปลกใจหรอก พเยียคงหลอกพวกเราทุกคน อาแค่สงสัยว่า พเยียไปเอาล็อกเก็ตมาจากไหน”
ชิษณุพงษ์บอกนิ่งๆ ชัดๆ “มันเป็นของกอหญ้าครับ”
นภดาราตกตะลึง
ชิษณุพงษ์เล่าต่อ “คุณแม่วันเพ็ญบอกว่า ตอนที่พวกแม่ชีเจอกอหญ้า เค้าถูกทิ้งเอาไว้ที่หน้าโบสถ์ พร้อมกับล็อกเก็ตหน้าตาแบบที่คุณอาวาดส่งไปให้ผมที่มีแหวนวงนึงคล้องอยู่ ด้วยกัน”
นภดาราตัวเย็นวาบ ชิษณุพงษ์เอารูปถ่ายของกอหญ้ากับคุณแม่วันเพ็ญวางลง นภดาราคว้ามาดู เห็นแหวนรูปดาวชัดเจน
“แหวนรูปดาว แหวนที่พ่อของยายหนูให้ไว้กับอา”
นภดารายิ้มทั้งน้ำตา ความดีใจท้วมท้นล้นเอ่อขึ้นมาจนแทบจะพูดไม่ออก
ในที่สุดสิ่งที่ตนสังหรณ์ก็เป็นความจริง
“นี่หมายความว่า กอหญ้าเป็นลูกของอา”
“ครับ...ถ้าผมเดาไม่ผิด ทนายปราบคงพากอหญ้าลงมากรุงเทพฯ เพื่อพบคุณอา แต่เกิดอุบัติเหตุทำให้ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ตายไปหมด พเยียเลยฉวยโอกาส ขโมยล็อกเก็ตมาหลอกพวกเราทุกคน”
นภดาราหน้าตากังวลขึ้นมาทันที

ไม่นานต่อมา นภดารากุลีกุจอรีบร้อนจะออกจากห้อง ท่าทีร้อนใจมาก
“เรารีบไปหากอหญ้ากันเถอะ ชิษณุพงษ์ อาเป็นห่วงลูก” ทั้งสองมาถึงประตู
ชิษณุพงษ์เปิดประตูให้นภดารา พอนภดาราเดินออกไป แล้วชะงักเมื่อเห็นนพดลยืนขวางอยู่นพดลคว้าตัวนภดารามาทันที เอาปืนจ่อ
“อย่าส่งเสียงนะ”
นพดลดันนภดาราเข้ามา ชิษณุพงษ์ถอยเข้ามาด้านใน ประตูห้องปิดลง
ชิษณุพงษ์ “แก...แกอย่าทำอะไรคุณอานะ”
“ฉันไม่ทำยัยนี่หรอกน่ะ”
นพดลดันนภดารามาถึงโซฟา แล้วหันมาแสยะยิ้มให้ชิษณุพงษ์
"คนอื่นล่ะไม่แน่"
ด้วยความว่องไว นพดลผลักนภดาราไปอีกทาง หยิบหมอนอิงขึ้นมา ยิงปืนผ่านหมอนไปที่ชิษณุพงษ์ 2 นัด โดนเข้าลำตัว ชิษณุพงษ์ล้มลง นภดาราตกใจ ผวาเข้าไปหาชิษณุพงษ์
“ชิษณุ”
นพดลดึงแขนนภดาราไว้
“มากับฉัน อย่าส่งเสียงหรือทำอะไรมีพิรุธนะ ไม่งั้น ลูกสาวแกที่อยู่กับนังพเยียตอนนี้ ตายแน่”
นภดารานิ่ง อึ้ง นพดลกระชากนภดาราออกไปนอกห้อง
“คุณอา”

ชิษณุพงษ์อ่อนแรงเต็มทน จึงนอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น
ไม่นานต่อมา พเยียอยู่ที่มุมหนึ่งในสวน พูดสายกับนพดล ยิ้มด้วยความพอใจ

“ดีมาก พี่นพ พี่เอาตัวมันไปเก็บไว้ก่อน แล้วคอยฟังข่าวจากฉัน”
พเยียวางสาย แล้วเดินเข้าไปหากอหญ้า ที่นั่งรออยู่ห่างออกไปตรงจุดนัดพบ
ด้านกอหญ้ารอนานแล้ว จนเริ่มกระสับกระส่าย
“ทำไมนานจัง พเยียอยู่ไหนนะ”
พลันพเยียมายืนข้างหลัง
“ฉันอยู่นี่ มีอะไรว่ามา”
กอหญ้าลุกขึ้น หันมาเผชิญหน้า

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 13 วันที่ 16 มี.ค. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager

แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 12/2



อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 12/2 วันที่ 15 มี.ค. 56

ชิษณุพงษ์ตาวาว ตื่นเต้นสุดๆ
“คุณอามีรูปถ่ายของล็อกเก็ตอันนั้นไหมครับ”

“ไม่มีหรอกจ้ะ อย่างที่บอก ล็อกเก็ตอันนั้นจากอาไปเป็นสิบปีแล้ว มีแค่ความทรงจำในหัวของอานี่แหละ”
ชิษณุพงษ์ทำหน้าผิดหวัง แตงรำพึง

“มีแค่ความทรงจำ จะเอาออกมาให้ดูกันได้ยังไงกันล่ะคะ” แตงพาซื่อ
กอหญ้ายิ้มบอก “ได้สิคะ”
นภดาราฉงน “หนูจะทำยังไง กอหญ้า”



ผ่านเวลาไป ดินสอสีถูกระบายลงบนกระดาษขาว ด้วยฝีมือของนภดาราที่กำลังลงรายละเอียดรูปล็อกเก็ตอย่างตั้งใจ กอหญ้าเดินเข้ามาหาพร้อมกับแก้วนม
“พักก่อนนะคะ คุณอา ทำมาตั้งนานแล้ว”
นภดาราวางดินสอ ยิ้มรับ
“ขอบใจจ้ะ”
นภดาราดื่มนม กอหญ้าชะโงกหน้าดูภาพในกระดาษ รู้สึกคุ้นอย่างมาก
“นี่เหรอคะ ล็อกเก็ตที่ว่า”
“จ้ะ”
“คุ้นตาเหลือเกิน” กอหญ้าว่า
“หนูคงเคยเห็นพเยียใส่”
กอหญ้าเพ่งมอง “ไม่ค่ะ ไม่ใช่” พร้อมกับกระพริบตา และเริ่มมีอาการปวดหัวนิดๆ “หนู
รู้สึกว่าหนูเคยเห็นมันมานานกว่านั้น นานมากๆ”
นภดาราตื่นเต้น “จริงเหรอจ๊ะ ที่ไหน”
กอหญ้าพยายามคิด “หนู...หนูนึกไม่ออกค่ะ แต่มันคุ้น คุ้นเหลือเกิน…โอ๊ย”
กอหญ้าร้องเริ่มปวดหัวแปล๊บ
“กอหญ้า” นภดาราตกใจ รีบเข้ามาประคอง “หนูปวดหัวอีกแล้วใช่ไหม...เลิกคิดจ้ะ เลิกคิดก่อน หนูมียาไหม ยาที่คุณหมอวิชาญให้เอาไว้หมดไปหรือยัง”

นภดาราประคองกอหญ้าให้นอนลงที่โซฟา
“ทานยาแล้วนอนพักก่อนนะจ๊ะ แล้วอย่าคิดอะไรอีก นอนหลับตาพัก ซักครู่ เดี๋ยวก็หาย”
นภดาราเอาผ้าห่มให้ กอหญ้ายังปวดหัว ทรมาน จับมือนภดาราแน่น
“หนูเห็น หนูเห็น คืนนั้น...คืนนั้น”
ภาพแว้บขึ้นในหัวของกอหญ้า แต่เป็นภาพขาดวิ่นของล็อกเก็ตไม่ประติดประต่อนัก ในคืนฝนฟ้าคะนอง และเลือดแดงฉาน สลับกันไปมา นภดาราพยายามปลอบกอหญ้าที่ทุรนทุราย
“กอหญ้า อย่านึกอีกเลยจ้ะ หยุดก่อน เดี๋ยวจะเป็นอะไรไป”
กอหญ้าเห็นภาพมือพเยียที่ถือล้อกเก็ตไว้ และจบที่หน้าตาโหดเหี้ยมร้ายกาจของพเยีย แล้วดับวูบไป
กอหญ้าทะลึ่งตัวขึ้นมา ตาเบิ่งกว้าง “หนูเห็นพเยียถือล็อกเก็ตอันนี้ค่ะ ตอนที่เค้าทำร้ายหนู”
นภดาราตะลึง ตกใจ
นภดารายืนทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วหันมามองกอหญ้าที่หลับไปแล้วด้วยฤทธิ์ยา สายตาอ่อนโยนมีแววคำถาม
“พเยียนั่นเองที่เป็นคนทำร้ายหนูจนความจำเสื่อม เพราะอะไรนะ กอหญ้า เพราะอะไรพเยียถึงต้องทำร้ายเธอ”

นภดาราเดินกลับมานั่ง ลูบหัวกอหญ้าเบาๆ ครุ่นคิด เริ่มสงสัยอะไรขึ้นมา
วันต่อมา ที่บ้านอดิศวร สกุณาแต่งตัวสวยเช้ง กำลังจะออกไปข้างนอก นุชกับนันเดินถือกระเป๋าตามสอพลอ

“คุณจะไปนานไหมคะ” นุชถาม
“ก็ไม่แน่ จะถามทำไม จะหนีเที่ยวเหรอ”
“เปล่าค่ะ แค่อยากรู้ ว่าคุณจะกลับมาทานกลางวันที่บ้านไหม” นันถามต่อ
“ไม่” สกุณาดักคอ ชี้หน้า “แต่เธอสองคนก็อย่าเถลไถลล่ะ อยู่เฝ้าบ้าน ดูๆ แลๆ ให้ฉันด้วย ...ฉันอยากรู้ ว่าคุณอิศรกับคุณพเยีย เค้าทะเลาะกันเรื่องอะไร”
นุชกะนันรับพร้อมกัน “ค่ะ”
สกุณาขึ้นรถ ขับออกไป

ขณะที่สกุณาขับรถมาเรื่อยๆ มุ่งหน้าจะออกปากซอย จนมาถึงแยกเล็กๆ กลางซอย
ชายในชุดแจ๊กเก็ตมีฮู้ดคลุมหัวมิดชิด วิ่งออกมาตัดหน้ารถ สกุณาเหยียบเบรคอย่างแรงจนหัวทิ่ม
เห็นชายนั้นล้มลงไป สกุณาตกใจ รีบเปิดประตูลงมาดู
“คุณ เป็นอะไรรึเปล่า”
ทันใดนั้น ผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เข้าประชิดตัว แล้วเอาปืนจี้เอว สกุณาร้องลั่น
“ว้าย”
“อย่าส่งเสียง ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
ฮู้ดที่คลุมหัวหล่น สกุณาจึงเห็นว่าเป็นนพดล ยิ่งกลัว
“นพ”
“ขึ้นรถ แล้วขับไปดีๆ ไม่งั้น” นพดลเอาปืนกระแทกสีข้างขู่
สกุณาตัวสั่น นพดลพาสกุณากลับไปยัดใส่รถ ก่อนจะเห็นรถขับออกไป

สองคนอยู่ในรถที่ขับมาจอดในที่เปลี่ยวไม่มีคน สกุณาตื่นกลัวพยายามอ้อนวอน
“นพ อย่าทำอะไรพี่เลยนะ พี่ขอร้อง”
“ผมยังไม่ได้เฉ่งพี่เลย เรื่องที่พี่บอกตำรวจเรื่องผม”
“พี่ไม่มีทางเลือกจริงๆ นพอย่าโกรธพี่เลยนะ” สกุณายกมือไหว้ “พี่ขอร้องปล่อยพี่ไปเถอะ”
“ปล่อยก็ได้ แต่พี่ต้องช่วยผม เป็นการไถ่โทษ”
“ไม่ ไม่เอา พี่ทำไม่ได้”
สกุณายิ่งกลัว จะหนีออกนอกรถ นพดลประชากไว้ ดึงมากอด พูดขู่
“ถ้าพี่ไม่ทำ เรื่องที่พี่แอบมาจ้ำจี้กับผมบ่อยๆ รับรองว่าถึงหูผัวพี่แน่...ว่าไง”
สกุณาหน้าเสีย เห็นท่าทางนพดลเอาจริง สกุณาค่อยๆ ถามแบบจำยอม
“นพ...นพจะให้พี่ทำอะไร”
“สะกดรอยตามไอ้อิศร”
“พี่... พี่ไม่ถูกกับเค้า เค้าเกลียดพี่จะตาย พี่ทำไม่ได้หรอก พี่จะทำได้ยังไง
นพดลยิ้มๆ มองสกุณาอย่างข่มขู่ สกุณาเครียดจัด

ตกตอนเย็น อิศรจอดรถที่หน้าคอนโด เดินเข้าด้านในอย่างเร่งรีบ ครู่ต่อมากอหญ้าเปิดประตูให้อิศร อิศรเดินเข้ามา ถามทันที
“มีเรื่องด่วนอะไรหรือ กอหญ้า”
“คุณอาดาราค่ะ ท่านอยากจะไปพบคุณพเยีย”
อิศรทำหน้าแปลกใจ
3 คนอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกัน นภดาราเล่าแผนให้ฟัง
“ทางเดียวที่เราจะเอาผิดพเยียได้ คือต้องหลอกให้พเยียรับสารภาพ”
“พูดน่ะง่ายครับ แต่พเยียไม่ได้โง่ เราจะไปหลอกให้เค้ายอมรับว่าเค้าผิด เค้าวางแผนฆ่าคนตาย ผมว่าไม่มีทาง” อิศรท้วง
“ถ้าแลกกับมรดกของอาล่ะ” นภดาราบอก
อิศรฉงน “ยังไงนะครับ”
“ถ้าเค้ายอมรับสารภาพทุกเรื่องที่เค้าทำ อาจะให้เงินเค้าจำนวนนึงอาจจะซัก 2-3 ร้อยล้าน”
กอหญ้าท้วงขึ้นอีก “แต่ยังไงเค้าก็ต้องติดคุกนะคะ”
“เมื่อพ้นโทษออกมา เค้าก็ยังจะมีเงินก้อนใหญ่เอาไว้ใช้...ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรไม่ใช่หรือ”
กอหญ้า หันไปถามอิศรที่นิ่งใช้ความคิดอยู่ “คุณคิดว่ายังไงคะ คุณอิศร”
“ก็จริง สำหรับคนที่จนตรอกอย่างพเยีย ไม่แน่ ถ้ากล่อมดีๆ เค้าอาจจะยอมก็ได้”
นภดาราสรุป “เป็นอันว่าตกลงตามนี้นะคะ”
กอหญ้า กังวลไม่หาย “แต่หนูไม่เห็นด้วยเลยที่คุณอาจะเอาตัวไปเสี่ยง...ให้หนูไปแทนไม่ดี กว่าหรือคะ”
“ไม่ได้หรอกจ้ะ กอหญ้า...ฉันเป็นคนพาพเยียเข้ามา ฉันต้องเป็นคน จัดการกับเค้าเอง” นภดาราบอกอย่างมุ่งมั่นมาดหมาย
กอหญ้ามองหน้าอิศรเป็นเชิงขอความเห็น สีหน้ากอหญ้าดูไม่เห็นด้วยเอาเลย

ส่วนพเยียนั่งวางมาดนางพญาอยู่ในห้องสมุด กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ โดยนึกว่าเป็นกอหญ้าโทร.เข้ามา
“ว่าไง นังกอหญ้า”
ที่แท้เป็นนภดาราพูดสายด้วยมือถือของกอหญ้า
“นี่แม่เองนะคะ พเยีย”
พเยียตาโต “คุณแม่ นี่คุณแม่อยู่ที่ไหนคะ รู้ไหมคะ พเยียเป็นห่วงคุณแม่แทบแย่”
“แม่สบายดีจ้ะ ที่โทร.มาเพราะแม่อยากจะพบพเยีย”
พเยียดีใจ “ที่ไหนคะ พเยียจะไปหาคุณแม่เดี๋ยวนี้”
“นี่มันเย็นแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่าจ้ะ”
พเยียหยั่งเชิง “แล้วพรุ่งนี้คุณแม่จะให้พเยียไปหาที่ไหนคะ”
“เอาไว้เรานัดกันอีกทีพรุ่งนี้ก็ทันจ้ะ แม่จะโทรหาพเยียแต่เช้า แค่นี้นะจ๊ะ”
นภดาราวางสายไปทันที พเยียหน้าเครียด แล้วหยิบโทรศัพท์มา โทร.หานพดล
“พี่นพ ฉันเอง”

พเยียพูดสายกับนพซึ่งอยู่ที่บ้านเช่า
“คุณแม่จะนัดเจอฉัน แต่ไม่ยอมบอกว่าที่ไหน ฉันว่าพวกมันต้องคิดจะเล่นไม่ซื่อกับฉันแน่ๆ”
นพดลนั่งกระดิกเท้าดูทีวี กินโค้กกระป๋องอยู่
“เล่นมาก็เล่นกลับไปซี กลัวอะไร...รับรองว่ามันจะขยับตัวไปไหนเราต้องได้รู้ก่อนแน่”
พเยียยังเป็นกังวล “พี่แน่ใจนะ”
“ไม่ต้องห่วง คนของเราจะลงมือคืนนี้ ไอ้อิศรมันไม่รอดแน่”

นพดลมั่นอกมั่นใจมาก
กลางดึกคืนนั้น สกุณาอยู่ในชุดนอนยั่วยวน กำลังย่องลงมาจากชั้นบน เดินไปที่โรงรถ ในมือมีโทรศัพท์สองเครื่องหน้าตาตื่นเต้น

สกุณามาถึงโรงรถ หยุดมองซ้ายมองขวาว่าไม่มีใครแน่ๆ แล้วหยิบโทรศัพท์เครื่องนึงออกมา ที่โทรศัพท์ สกุณากำลังตั้งค่า “Find my phone”
ตั้งค่าเสร็จ สกุณาเดินเลียบๆ เคียงไปที่โรงรถที่มีรถจอดเรียงกันอยู่หลายคัน รถอิศรอยู่ในจำนวนนั้น
สกุณาพุ่งเข้าไปที่ตู้เก็บกุญแจ รื้อหา แต่ไม่พบกุญแจรถอิศร
“บ้าจัง อย่าบอกนะ ว่าเอากุญแจติดตัวไปด้วย”
สุกณาเอากุญแจมาลองกดดู แสงไฟวาบขึ้นที่รถคันโน้นคันนี้ แต่ไม่มีรถอิศร สกุณาเซ็ง
“ไม่มีจริงๆ ด้วย แล้วจะทำยังไงล่ะนี่”
สกุณาเดินมาที่รถ แล้วชะงัก เห็นว่าประตูไม่ได้ล็อก สกุณาลองเปิดดู ปรากฏว่าประตูเปิดได้จริงๆ เห็นกุญแจเสียบคาเอาไว้ที่รถ สกุณายิ้มย่องสะใจ
“เสร็จฉันล่ะแก”
มือสกุณาเปิดท้ายรถหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องที่เพิ่งตั้งค่า GPRS หย่อนแอบไว้ในช่องว่างใต้พรม วางพรมให้เรียบร้อยแล้วปิดท้ายรถ ถอนใจโล่งอก
สกุณาเดินย่องกลับมาทางด้านหลัง เจออิศรยืนอยู่หน้าประตูครัว ในมือถือขวดน้ำเย็นสกุณาตกใจ
“ว้าย คุณอิศร”
อิศรเปิดสวิทช์ไฟ
“ลงมาทำอะไรป่านนี้”
“เปล่า” สกุณาปฏิเสธ
อิศรมองอย่างจับผิด “โกหก ...แล้วทำไมต้องเข้าทางข้างหลัง”
“เรื่องของฉัน” สกุณาจะหนี “ดึกแล้ว ฉันจะไปนอน”
อิศรคว้าแขนสกุณาไว้ “ใครว่าดึก นี่มันจะเช้าแล้วต่างหาก บอกผมมาดีกว่า คุณไปทำอะไรมา” มองหัวจรดเท้า “ล่อชุดนอนมาเลยนี่ แอบออกไปหาอะไรกินกลางดึกหรือยังไง”
“นี่ คุณอิศร อย่ามาพูดจาสกปรกกับฉันนะ”
อิศรหัวเราะขำ ปล่อยแขนสกุณา “อย่ามาทำเป็นกุลสตรีฟังเรื่องแบบนี้ไม่ได้หน่อยเลยน่ะ มีแต่พ่อผมคนเดียวเท่านั้น ที่ตาบอด มองไม่ออกว่าคุณเป็นผู้หญิงแบบไหน”
สกุณาโกรธจนตัวสั่น
“นี่คุณ”
“เอาเถอะๆ คุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ ผมไม่ยุ่ง ขอแค่อย่าให้มันฉาวโฉ่ออกมาก็แล้วกัน สงสารพ่อผมบ้าง ยังไงเค้าก็ยังได้ชื่อว่าเป็นผัวคุณ”
อิศรเดินไป สกุณามองตามอย่างแค้นเคือง
พออิศรลับตัวไป สกุณาหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องขึ้นมากดโทร.ออก
“พี่เองนะ พี่เอาโทรศัพท์ไปใส่ในรถมันเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือ เธอก็จัดการต่อเองแล้วกัน”
สกุณาวางสาย สะใจที่ได้แก้แค้นเอาคืนอิศร

เช้าวันใหม่ กอหญ้าอยู่ในแพนทรี กำลังคีบครัวซองต์ใส่เตาอบเล็กๆ เพื่ออุ่นให้ร้อน แต่สีหน้าดูหมกหมุ่นอยู่กับความคิดตัวเองมากกว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ตรงหน้า

ตอนที่กอหญ้าแอบมาคุยกับอิศร ก่อนอิศรกลับบ้าน ท่าทางร้อนใจ
“มันเสี่ยงเกินไป ที่จะให้คุณอาดาราไปพบคุณพเยียตอนนี้ ร่างกายท่านอ่อนแอมาก ถ้าคุณพเยียเค้าทำอะไร ..
“พเยียไม่กล้าทำอะไรหรอกมั๊ง เค้าก็รู้นี่ ว่าถ้าคุณอาดาราเป็นอะไรไปเค้าก็ชวดสมบัติ”
กอหญ้า ยังกังวลมาก “แต่ถ้าพเยียจับตัวท่านไปล่ะคะ เอาไปข่มขู่ ทรมาน”
อิศรมองกอหญ้ายิ้มอย่างเอ็นดู รู้ทัน
“พูดไปพูดมาเนี่ย คิดจะทำอะไรอีกล่ะ แม่จอมยุ่ง”
กอหญ้า ยิ้มประจบ ขอให้อิศรช่วย “ฉันก็แค่อยากให้คุณอาไปตามนัดไม่ได้ ก็เท่านั้นแหละค่ะ”

กอหญ้าดึงตัวเองกลับมา ยกถาดอาหารเช้าที่มีนมหนึ่งแก้ว ครัวซองค์ 1 ชิ้นพร้อมกับแยม ออกมาจากแพนทรี หน้าตามุ่งมั่น
ขณะเดียวกันดาราแต่งตัวเรียบร้อย พร้อมจะออกไปพบพเยีย กำลังตรวจสอบโทรศัพท์เครื่องใหม่ กอหญ้าถือถาดมาวาง นั่งลงข้างๆ
“คุณอาจะใช้โทรศัพท์อัดเสียงคุณพเยียตอนสารภาพความผิดเหรอคะ”
“จ้ะ ถ้าฉันทำสำเร็จ เราก็จะมีหลักฐานเอาผิดพเยียได้”
“คุณอานัดคุณพเยียที่ไหนคะ”
“ที่สวน...” นภดาราบอกชื่อสถานที่จริง “จ้ะ ตอน 9 โมงตรง ที่เปิดเผยอย่างนั้นพเยียคงไม่กล้าทำอะไรฉันแน่ หนูไม่ต้องห่วง”
กอหญ้ามองนภดารา พลางเลื่อนแก้วนมส่งให้
“นี่เพิ่งแปดโมงเช้า คุณอายังไม่ได้ทานอะไรเลย รองท้องก่อนซักนิดนะคะ”
“จ้ะ” นภดาราเยื้อนยิ้มมองกอหญ้าอย่างเอ็นดู “ขอบใจหนูมากนะ กอหญ้า”

นภดาราดื่มนม กอหญ้ามองดูรู้สึกผิดนิดๆ ที่ต้องหลอกนภดารา
ทางด้านอิศรอยู่ในห้องน้ำ นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวและกำลังโกนหนวด เสียงโทรศัพท์ดัง อิศรกดรับอย่างอารมณ์ดี

“ว่าไง จอมยุ่ง”
กอหญ้าอยู่ที่มุมลับตาในคอนโด กระซิบบอก
“คุณอาทานยาคลายเครียดไปแล้วค่ะ อีกประเดี๋ยวคงหลับ คุณมารับฉันได้เลย”
“โอเค ไม่เกิน 20 นาที เธอลงมารอได้เลย”

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 12/2 วันที่ 15 มี.ค. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager

แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 12



อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 12 วันที่ 14 มี.ค. 56

สองคนอยู่ในห้องทำงานของโบสถ์ ชิษณุพงษ์ยื่นรูปกอหญ้าที่ได้มาจากแตงให้ คุณแม่วันเพ็ญรับมาดู
เป็นรูปที่กอหญ้าโอบกอดคุณแม่วันเพ็ญ มือข้างที่กอดอยู่มีแหวนวงเล็กๆ สวมอยู่
“แม่เป็นคนให้รูปนี้ไปกับหนูแตงเองค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือคะ”

แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 11/4



อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 11/4 วันที่ 13 มี.ค. 56

ชิษณุพงษ์ตื่นเต้นตกใจมาก “แหวนรูปดาว!”
แตงงง “ยังไงเหรอ คุณณุ มีอะไรรึเปล่า”
ชิษณุพงษ์ไม่ตอบ ถามอรต่ออย่างตื่นเต้น “แหวนรูปดาววงนั้น หน้าตามันเป็นยังไงครับ คุณอร คุณอรเคยเห็นไหม”
อรส่ายหน้า เพราะเธอเองไม่เคยรู้เรื่องนี้

แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 11/3



อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 11/3 วันที่ 12 มี.ค. 56

นภดารานิ่ง พเยียมองตา เอาแก้วนมยัดใส่มือ แต่ก็ยังจับมือไว้ เชิงบังคับ
พเยียพูดเสียงหวาน แต่จริงจัง “ดื่มค่ะ...นะคะ”
นภดาราเห็นพเยียไม่ปล่อยมือ รู้ว่าไม่มีทางรอด เลยพยักหน้าอย่างจำใจ
พเยียมองดู ลุ้นให้นภดาราดื่มนม ทันใดนั้น ประตูก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงกอหญ้าตะโกน
“อย่าค่ะ”
นภดาราฉวยโอกาสหยุดมือ กอหญ้าวิ่งเข้ามา พเยียลุกขึ้นตวาด ไม่พอใจ
“กอหญ้า เข้ามาทำไม”

แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 11/2



อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 11/2 วันที่ 11 มี.ค. 56

สายตาพเยียหยุดที่หน้าศรีเป็นคนสุดท้าย
“ศรี ตามฉันมานี่”
พเยียพูดจบก็เดินเชิดออกไปทางด้านห้องสมุด ศรีกับคนใช้คนอื่นๆ ยังมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ยังงงๆ กอหญ้ามองตามพเยีย เริ่มจะเข้าใจลางๆ ว่าพเยียทำร้ายทุกคนเพื่ออะไร

แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 11


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 11 วันที่ 11 มี.ค. 56

“เขาสองคนเคยรู้จักกันที่เชียงใหม่ มันเห็นว่าพเยียร่ำรวย เลยมาข่มขู่พเยียแล้วมันก็ฆ่าคุณอาหญิง”
“คุณพเยียบอกคุณอาหรือคะ”
นภดาราพยักหน้า “พเยียรู้เห็นทุกอย่าง มันคงคิดจะเข้ามาฆ่าพเยียเพื่อปิดปากแต่แม่ชื่นกลับมาบ้านเสียก่อน เลยรับเคราะห์แทน” นภดาราน้ำตาไหล “แม่ชื่นตายเพราะฉันแท้ๆ กอหญ้า ฉันเองที่เห็นแก่ตัว ไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับตำรวจเพราะกลัวจะเสียหายมาถึงลูกพเยีย”
ตรงทางเดินชั้นล่างของตึก พเยียเดินกลับเข้าบ้านมา หยุดถามสาวใช้
“คุณแม่ล่ะ อยู่ไหน”

แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10/5


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10/5 วันที่ 10 มี.ค. 56

อิศรตัดสินใจ “หมอ แกส่งไปตรวจเลย ขอรู้ผลด่วนที่สุดนะ ฉันอยากรู้ทุกอย่างเท่าที่แกจะบอกได้ เกี่ยวกับรอยเลือดนี่”
หมอวิชาญมองกอหญ้ากับอิศรสลับไปมาอย่างสงสัย
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอวะ อิศร แกสองคนทำอย่างกับเป็นเจ้าหน้าที่ซีเอสไอ”
“ฉันสงสัยว่านี่จะเป็นรอยเลือดของใครบางคนน่ะค่ะ ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาขออย่าให้มันเป็นอย่างที่ฉันคิดเลย”
สีหน้ากอหญ้าหวั่นใจมาก

แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10/4


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10/4 วันที่ 9 มี.ค. 56

ทั้งสองคนก้มหน้าก้มตาเลือกเสื้อผ้า ไม่มองกัน พเยียเอ่ยขึ้นก่อนเบาๆ
“เรียบร้อยไหม”
“เรียบร้อย แล้วแผนต่อไปล่ะ จะลงมือเมื่อไหร่”
“เดี๋ยวก่อน ยังไม่ใช่ตอนนี้”
พเยียเดินเลือกของไปทางอื่น ทำเนียนๆ นพดลก็ตามไปเนียนๆ เช่นกัน
“ไม่ทำตอนนี้แล้วจะทำเมื่อไหร่ ยิ่งนานพี่ยิ่งลำบากนะ พเยีย ไปไหนทำอะไรก็ไม่ได้ ตำรวจแม่งตามพี่จนกระดิกไม่ได้เลย” นพดลบ่นอุบ

แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10/3



อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10/3 วันที่ 9 มี.ค. 56

พเยียรีบเสริมกอหญ้า “นั่นสิคะ คุณตา อาจจะมีญาติพี่น้องคนไหนเป็นอะไร หรือต้อง ไปที่ไหนไกลๆ ที่มันติดต่อกันไม่ได้
“ไม่น่าเป็นไปได้ ชื่นไม่มีบ้านที่ไหนอีกแล้ว ศิวาลัยเป็นเหมือนบ้านของเค้า และนอกจากพวกเรา เค้าก็ไม่มีญาติสนิทมิตรสหายที่ไหนทั้งนั้น”
นภดารานิ่งฟัง สีหน้าเต็มไปด้วยความละอายใจ ก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้นมา

“คุณพ่อคะ .. ลูกมีเรื่องสำคัญจะเรียนให้คุณพ่อทราบค่ะ”
นภัสรพีฉงน “เรื่องอะไร”
“ลูกกำลังสงสัยว่าแม่ชื่นอาจจะหนีไปจากพวกเราค่ะ”
นภัสรพี กอหญ้า พเยีย มองนภดารา ยิ่งแปลกใจ



นภัสรพีนภัสรพีกับนภดาราอยู่ในห้องสมุดด้วยกันสองคน
“ชื่นไม่ใช่เด็กๆ ทำไมลูกถึงคิดว่าชื่นจะหนีออกจากบ้าน”
นภดาราละอายใจ “เพราะลูกพูดอะไรบางอย่าง ที่อาจจะทำให้แม่ชื่นโกรธ แล้วก็น้อยใจจนไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป”
นภัสรพีสงสัย “ยังไง” เห็นนภดาราหลบตา ทำท่าอึกอัก คุณชายเลยดุเสียงเข้ม “จะพูดอะไรก็พูดมานภดารา อย่าอ้อมค้อม พ่อฟังไม่เข้าใจ”
นภดาราตัดสินใจเด็ดขาด พูดออกมาอย่างคนที่อัดอั้นตันใจมานาน
“พเยียรู้ว่าใครคือคนร้ายที่ฆ่าอาหญิงค่ะ พเยียรู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแม่ชื่นสงสัยว่าพเยียจะรู้เห็นเป็นใจกับ เรื่องนี้ แกจะฟ้องคุณพ่อ ลูกห้ามไว้ เมื่อวานนี้ ลูกกับแม่ชื่นก็เลยทะเลาะกัน”
นภัสรพีมองนภดาราอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทั้งไม่เข้าใจ ทั้งผิดหวัง

ทั้งสองยืนอยู่แถวหน้าประตูห้องสมุด พเยียกระวนกระวาย เหมือนอยากจะเข้าไปใกล้ๆ ประตูเพื่อแอบฟัง กอหญ้ายืนมอง คุมเชิงไว้
พเยียขยับตัวไปจะแนบหูข้างประตู กอหญ้าเข้าไปขวาง
“จะทำอะไรคะ”
“ฉันอยากรู้ว่าคุณแม่คุยอะไรกับคุณตา”
“เดี๋ยวท่านออกมาก็ทราบเองแหละค่ะ”
พเยียขัดใจ “แล้วตัวเองล่ะ ถ้าไม่อยากรู้ แล้วมายืนเฝ้าอยู่ทำไม”
“ฉันอยากคุยกับคุณพเยียต่างหาก” กอหญ้าถามตรงๆ “คุณพเยียเอาของ-ของฉันไปหรือเปล่าคะ”
พเยียแหวเสียงเขียว “ของอะไร”
“ของที่คุณอิศรฝากไว้ให้ฉัน นอกจากคุณอาดารา คุณเป็นคนเดียวที่เห็นมัน”
พเยียมองกอหญ้าแบบหยั่งเชิง แล้วลองเช็คว่ากอหญ้ารู้ไหม ว่าแหวนที่หายไปคือแหวนอะไร
“ทำไมฉันต้องเอาไป แหวนวงนั้นมันสำคัญยังไงเหรอ กอหญ้า”
“ฉันไม่รู้ค่ะ รู้แต่ว่ามันสำคัญมาก... มากพอที่จะทำให้คนคนนึงต้องตาย และ คนคนนึงต้องหายไป” กอหญ้าเดินเข้าประชิดตัวพเยีย จ้องตา คาดคั้น “คุณเอามันไปใช่ไหมคะ”
พเยียปฏิเสธ “ฉันไม่ได้เอาไป”
กอหญ้าไม่เชื่อ “คุณโกหก”
“อย่ามาปรักปรำฉัน”
“ถ้าไม่ได้เอาไป คุณจะรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นแหวน” พเยียอึ้ง “ฉันยังไม่ได้บอกคุณซักคำเดียว ว่าของนั่นมันคืออะไร”
พเยียอึ้ง แล้วขยับจะหนี กอหญ้าคว้ามือไว้ คาดคั้น
“คุณเอาของฉันไปใช่ไหมคะ เอาคืนมานะ เอาคืนมา”
พเยียสะบัด “ปล่อยฉันนะ นังกอหญ้า แกไม่มีหลักฐาน”
กอหญ้าขู่ “ฉันจะฟ้องคุณอาดารา”
พเยียมองอย่างท้าทาย “ฟ้องว่าฉันเอาไปงั้นเหรอ แกไม่มีหลักฐานอะไร แหวนก็ไม่ได้อยู่ที่ฉัน แล้วแกก็ไม่มีทางหามันเจอแน่ๆ”
กอหญ้าโกรธจัด “คุณพเยีย คุณเอาแหวนของฉันไปไว้ไหน บอกมานะ บอกมา”
กอหญ้าจับไหล่สองข้างของพเยียไว้ บีบอย่างแรง คาดคั้น พเยียดิ้นสู้ สองสาวทำท่าเหมือนจะซัดกัน
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องของนภดาราดังออกมาจากห้องสมุด
“คุณพ่อ อย่าค่ะ ไม่นะคะคุณพ่อ ไม่...”
พเยียกับกอหญ้าหยุดทะเลาะกัน ลืมเรื่องของตัวเอง พุ่งเข้าไปที่ประตูทันที
พเยียทุบประตู “คุณแม่ขา คุณตาขา เกิดอะไรขึ้นคะ”

แต่ไม่มีใครตอบออกมา
ภายในห้องหนังสือเวลานั้น นภัสรพีโกรธมาเป็นริ้วๆ กำลังจะออกมาข้างนอกห้อง นภดารากอดรั้งเอาไว้ทั้งตัว ร้องวิงวอนสุดชีวิต

“ไม่นะคะ คุณพ่อ อย่า คุณพ่ออย่าโกรธพเยียเลยนะคะ พเยียแกไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”
นภัสรพีคำรามด้วยความโกรธ “พเยียเป็นตัวการพาคนร้ายเข้ามา รู้เห็นเป็นใจให้มันมาทำร้ายคนในบ้าน พเยียรู้ดีทุกอย่าง ว่าไอ้คนนั้นมันเป็นใคร แต่กลับปกปิดเอาไว้”
“ก็ลูกบอกแล้วไงคะ ว่าแกโดนข่มขู่ แกกลัวนายนพดลนั่นจะเอาคลิปมาแฉ แกกลัว แกอาย .. พเยียเป็นเหยื่อนะคะ คุณพ่อ ไม่ได้เป็นคนร้าย” นภดาราร้องไห้ “ตำรวจก็รู้เบาะแสของคนที่ชื่อนพดลแล้ว อีกไม่นานเราก็จะจับตัวมันได้ แล้วคุณพ่อจะขุดคุ้ยเรื่องของพเยียมาประจาน ทำให้หลานของตัวเองอับอายเพื่ออะไรคะ”
นภัสรพีระงับอารมณ์ได้บ้าง แต่ยังโกรธจัด
“ใครจะยืนยันได้ ว่าที่ลูกเล่ามามันเป็นเรื่องจริง หรือเป็นแค่นิทานอีกเรื่องที่พเยีย กุขึ้นมาหลอกพวกเรา”
“ถ้าคุณพ่อไม่อคติกับพเยียเหมือนอย่างแม่ชื่น คุณพ่อก็ต้องเชื่อ เพราะมันไม่มีเหตุผลอะไรเลย ที่พเยียจะอยากให้คุณอาหญิงตาย”
“เหตุผลอาจจะมี และชื่นก็อาจจะบอกพ่อได้ ถ้าชื่นไม่หายไปเสียก่อน ไม่แน่นะดารา” นภัสรพีมองนภดาราอย่างโกรธๆ “การที่ชื่นจู่ๆ ก็หายไป อาจจะเกี่ยวข้องกับพเยียด้วยก็ได้”
นภดาราตัดพ้ออย่างน้อยใจ
“แจ้งตำรวจเลยดีกว่าค่ะ คุณพ่อ ให้เค้าตามหาแม่ชื่นให้เจอ ลูกก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าแม่ชื่นไปไหน พเยียทำให้แกต้องไป เหมือนที่คุณพ่อว่าหรือเปล่า”
ที่นอกห้อง พเยียกับกอหญ้ายืนอยู่ชิดประตู ได้ยินชัดเจนกอหญ้าหันไปมองพเยีย สายตาตำหนิ ไม่พอใจ
“คุณเป็นตัวการ ให้คนที่ชื่อนพดลเข้ามาฆ่าคุณหญิง”
พเยียสบตาตรงๆ ไม่กลัวเลย “เธอก็ได้ยินนี่ มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันเป็นเหยื่อที่น่าสงสาร”
“แล้วแม่ชื่นล่ะ แม่ชื่นไปไหน คุณทำอะไรอีกหรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ไม่เคยทำ”
พเยียเดินเชิดออกไป กอหญ้ามองตามอย่างหวั่นใจ

อิศรนั่งอยู่ในมู้ดกวนๆ รอกอหญ้าอยู่ที่เก้าอี้สนาม กอหญ้าเดินมาอย่างร้อนใจ
“คุณอิศรคะ”
อิศรหันมาเห็นกอหญ้า รีบทัก
“ว่าไงยัยตัวดี เมื่อคืนฉันนอนรอโทรศัพท์จนหลับไป” เหลือบไปเห็นผ้าพันแผลที่แขนกอหญ้า ก็ถึงกับชะงัก “อ้าว นั่นแขนไปโดนอะไรมาน่ะ”
“ถ้าฉันบอก คุณต้องสัญญาก่อนนะคะ ว่าจะไม่ระเบิด ไม่วี้ด ไม่ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่”
อิศรกอดอก ทำหน้าว่าไม่มีทาง
กอหญ้าประจบด้วยท่าทีน่ารัก “สัญญาก่อนค่ะ นะคะ ฉันมีเรื่องกลุ้มใจเยอะแล้ว ถ้าคุณระเบิดใส่ฉันอีก ประสาทฉันต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ แน่”
“อ่ะ สัญญาก็สัญญา ว่ามา”
กอหญ้าทำเสียงเหมือนเรื่องเล็กมาก “ฉันถูกยิงน่ะค่ะ”
อิศรตกใจ “หา! อะไรนะ” โวยเสียงดังลั่น “ถูกยิง! นี่เธอ”
อิศรตั้งท่าจะใส่ยาว กอหญ้ารีบตะปบปากไว้ อิศรดิ้นขลุกขลัก แล้วสะบัดหลุด จับไหล่กอหญ้าทั้งสองข้างเขย่าอย่างโกรธๆ
“บอกมาเดี๋ยวนี้ กอหญ้า เธอไปโดนยิงได้ยังไง ที่ไหน เมื่อไหร่ ใครยิง”
กอหญ้าอมยิ้ม ถอนใจ สุดท้ายอิศรก็อดไม่ได้ โวยวายอยู่ดี
ครู่ต่อมาอิศรนั่งคุยกับกอหญ้าที่เก้าอี้สนาม อิศรพูดจริงจัง ไม่ได้ประชดหรือโวยวาย
“ฉันจะพูดจริงๆ นะ กอหญ้า เธอควรจะออกไปจากวังศิวาลัยได้แล้ว เธอมีอันตรายรอบตัว แล้วสิ่งที่เกิดขึ้น ก็พิสูจน์แล้ว ว่าคนที่นี่ ไม่มีใครปกป้องดูแลเธอได้”
“ฉันก็แค่โดนยิงเฉี่ยวๆ”
“แล้วคราวหน้าล่ะ ถ้ามันไม่โชคดีอย่างนี้ เธอจะทำยังไง กอหญ้า ฉันคืนแหวนให้เธอแล้ว เธอก็ควรจะทำตามที่สัญญาเอาไว้ ...ออกไปอยู่กับฉันที่คอนโด”
“ฉันยังไปไม่ได้จริงๆ ค่ะ จนกว่า...”
อิศรพูดขัดคอ พูดด้วยท่าทีจริงจัง “กอหญ้า ฟังฉันนะ” กอหญ้าชะงัก “ไม่ต้องสืบอะไรอีกแล้วช่างหัวอดีตมันไปเถอะ เธอจะเป็นใคร มาจากไหน เคยทำอะไรมา ฉันไม่เห็นจะแคร์ เราลืมอดีตไปซะ แล้วทำวันนี้ให้มีความสุขไม่ดีกว่าเหรอ”
“ฉันน่ะลืมอดีตได้ค่ะ แค่คนอื่นซีคะ ลืมไม่ได้ เค้าถึงได้ตามฆ่าฉัน ทำร้ายคนรอบๆ ตัวฉัน อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ฉันก็อยากจะทำวันนี้ให้มีความสุขอย่างที่คุณว่าอยู่หรอก แต่ฉันจะหลับตานอนสนิทได้ยังไง ในเมื่อมีคนอยากฆ่าฉันอยู่” กอหญ้าอ้างเหตุผล
“แล้วเธอจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าอดีตเธอเป็นใคร ในเมื่อเธอจำอะไรไม่ได้”
“นั่นสิคะ...ตอนแรก ฉันคิดว่าแหวนของฉันจะเป็นกุญแจไขปริศนาอันนี้ได้ แต่มันก็หายไปซะแล้ว”
“อ้าว ก็ฉันฝากคุณอาดาราไว้ให้เธอเมื่อวาน”
“มันหายไปแล้วค่ะ...ฉันสงสัยว่าคุณพเยียเป็นคนขโมยไป แต่เค้าไม่รับ”
“ต่อให้จริง ใครมันจะรับ...ทำไมเธอไม่ขอค้นกันไปเลย”
“ดูจากท่าทางคุณพเยีย เธอมั่นใจมาก ว่าแหวนไม่ได้อยู่ที่เธอแน่ๆ” กอหญ้าถอนใจ “ที่ร้ายกว่านั้น แม่ชื่นก็หายตัวไปด้วย จนป่านนี้ก็ยังไม่ติดต่อกลับมาเลย”
“หรือว่าแม่ชื่นจะเอาไป”
กอหญ้า ส่ายหัวเพลียๆ มึนตึ๊บ คิดไม่ตก “แม่ชื่นบอกว่าแหวนนั่นสำคัญมาก ให้ฉันหาให้เจอให้ได้ แล้วนอกจากคุณอาดารา กับคุณพเยีย ก็มีแม่ชื่นคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าคุณจะเอาแหวนมาฝากให้ฉัน...ตอนนี้ฉันเลยมืดแปดด้านไปหมด ไม่รู้จริงๆ ค่ะ ว่า “ใคร” มาขโมยแหวนของฉันไป...ทำไม”

นพดลซ่อนตัวอยู่ในบ้านเช่าโทรมๆ ห่างจากผู้คน ปิดหน้าต่างประตูมิดชิด เพิ่งตื่นนอน บิดขี้เกียจ
“โห เที่ยงกว่า มิน่าหิวชิบ”
นพดลคว้าของใกล้มือมากินกันตาย บ่น
“เมื่อคืนกว่าจะได้นอน ซัดเข้าไปเกือบตีสอง...อีนังตัวดีนอนอยู่บ้านสบายใจทิ้งให้กูเหนื่อยอยู่คนเดียว”
นพดลคิดถึงเรื่องเมื่อคืน แววตาเจ้าเล่ห์

ตอนนั้นนพดลกับพเยียกำลังยัดร่างของแม่ชื่นลงไปในถุงดำ
“เดี๋ยวก่อน”
พเยียเอาแหวนเพชรพยายามยัดไว้ในกระเป๋าเสื้อ ของแม่ชื่น
“อะไรน่ะ พเยีย”
นพดลแย่งคว้ามาดู เห็นเป็นแหวนรูปดาว
“แหวน แหวนเพชรด้วย”
“อย่านะ พี่นพ คราวนี้ฉันไม่ยอมให้พี่ทำอะไรงี่เง่าอีกแล้ว เอาคืนมา”
พเยียจะคว้า นพดลหลบ
“เฮ่ย คราวที่แล้วมันพลาดเพราะของมันใหญ่ แต่แหวนเพชรธรรมดาๆ แบบนี้ รับรองไม่มีปัญหา จะเอาไปทิ้งน้ำทำไม”
พเยียกระชากแหวนคืนมาจนได้ มองนพดลด้วยสายตาแข็งกร้าว พูดกำชับเสียงแข็ง
“มันไม่ใช่แหวนธรรมดา” บอกเสียงเข้มมาก “ฉันพูดจริงนะพี่นพ แหวนวงนี้สำคัญมากที่นังชื่นมันเป็นแบบนี้ก็เพราะมันรู้ว่าฉันมีแหวนวงนี้ พี่ต้องเอาแหวนนี่ทิ้งไป”
นภดลรู้ว่าพเยียพูดจริง “ขนาดนั้นเชียว”
“ใช่ ถ้ายังอยากเกาะกินรีดไถชั้นอยู่ อย่าได้คิดเอาแหวนวงนี้ไปเป็นอันขาดจะต้องไม่มีใครได้เห็นแหวนวงนี้อีกเลย มันจะต้องหายสาปสูญไปจากโลกนี้ พี่เข้าใจไหม”
“เออ เออ”
“สาบานนะพี่ ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ ถ้ามีใครเห็นแหวนวงนี้ ฉันซวยแน่”

นภดลดึงตัวเองกลับมา พลางหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋ากางเกง พิศดู
“ถ้ามันสำคัญขนาดนั้นจริง จะทิ้งซะทำไม เก็บไว้ มันอาจจะมีประโยชน์เข้าซักวันก็ได้”

นพดลยิ้มย่องสะใจ มองแหวนในมือนิ่งนาน
ด้านชิษณุพงษ์จอดรถที่หน้าตึกวังศิวาลัย ก้าวลงมาพร้อมกับแตง โดยมีศรีออกมาต้อนรับ

“มาพบใครคะ คุณชิษณุพงษ์”
“กอหญ้าอยู่ไหม ศรี” ชิษณุพงษ์ถามทัก
“คุณกอหญ้ามีแขกค่ะ คุยกับคุณอิศรอยู่ในสวน”
แตงได้ที “เค้าไม่ว่าง กลับก่อนไหม คุณณุ”
แตงขยับจะกลับขึ้นรถ ชิษณุพงษ์เอามือคว้าผมหางม้าของแตงเอาไว้ จนแตงหน้าหงาย
“ไม่” ชิษณุพงษ์บอกกับศรี “พาผมไปพบหน่อยซี ศรี ผมมีเรื่องสำคัญ”

ทั้งสี่คนนั่งอยู่ด้วยกันในสวนด้านหลังวัง ชิษณุพงศ์เอารูปถ่ายของกอหญ้าที่ได้จากแม่วันเพ็ญวางลงบนโต๊ะ เป็นรูปถ่ายคู่ระหว่างกอหญ้ากับแม่วันเพ็ญ เป็นรูปเก่าๆ จากหลายๆ วาระ กอหญ้าหยิบมาดูอย่างสนใจ
แตงอธิบายให้กอหญ้าฟัง “ผู้หญิงในรูปนี้คือคุณแม่วันเพ็ญค่ะ คุณแม่อยู่ที่โบสถ์มาหลายปี ก่อนที่โบสถ์จะโดนไล่ที่ สนิทกับคุณแม่ยุพามาก ท่านบอกว่าตอนท่านเจอคุณกอหญ้าครั้งแรก คุณกอหญ้าอายุได้ 4 ขวบแล้ว”
ชิษณุพงษ์ถาม “คุ้นตาบ้างไหม กอหญ้า”
“คุ้น แต่ก็จำอะไรไม่ได้เลย” กอหญ้าถามแตง “แล้วท่านรู้ไหมคะ ว่าฉันเป็นใคร มาจากไหน พ่อแม่เป็นใคร”
“คุณแม่ยุพาเจอเด็กแรกเกิดถูกวางทิ้งไว้ที่กอหญ้าหน้าโบสถ์ค่ะ คุณถึงได้ชื่อกอหญ้า” แตงเล่า
“แล้วฉันลงมากรุงเทพฯ ทำไมคะ” กอหญ้าซัก
“ท่านว่า คุณกับคุณแม่ยุพา จะลงมาหาเงินไปช่วยซื้อที่ให้กับทางโบสถ์ แต่ไม่ได้บอกว่าจะลงมาหาใคร”
ชิษณุพงษ์ช่วยสรุป
“ถ้าจะให้เดา ฉันว่าเธอก็คงจะลงมาหาคุณอาดารานี่แหละ คุณแม่ยุพาอาสา พาพเยียลงมาพบแม่ที่แท้จริงที่วังศิวาลัย แล้วคงจะขอให้คุณอาดาราช่วยเหลือทางโบสถ์เป็นการตอบแทน”
กอหญ้าทำหน้าหมดหวัง
“ไปๆ มาๆ ก็วนอยู่ที่เดิม ไม่มีใครบอกได้เลยเหรอ ว่าฉันเป็นใคร”
ทันใดนั้น อิศรที่นั่งดูรูปภาพของกอหญ้าอยู่เงียบๆ ก็ร้องขึ้น
“นี่ไง”
ทุกคนหันไปสนใจอิศร
กอหญ้าสงสัย “อะไรคะ”
อิศรส่งรูปให้ “ในรูปนี้ เธอใส่แหวนด้วย นี่ไงแหวนของเธอ”
กอหญ้ารับมาดูอย่างตื่นเต้น ในรูปภาพใบหนึ่ง กอหญ้าโอบกอดแม่วันเพ็ญ เห็นมือข้างที่กอดอยู่มีแหวนลงเล็กๆ
กอหญ้าเพ่งมอง “นี่เอง แหวนที่ใครๆ ถามถึง หน้าตาเป็นอย่างนี้เองหรือ”
ชิษณุพงษ์บอกทันที “แหวนรูปดาว...เป็นแหวนที่เธอใส่ติดนิ้วตลอดเวลา ฉันจำได้”
“แหวนของเธอที่หายไปก็ไอ้วงนี้แหละ ฉันดูอยู่ตั้งหลายครั้ง มันก็เป็นแหวนเพชรธรรมดาๆ วงนึง ไม่ได้มีค่ามากมายอะไร แล้วทำไม มันถึงสำคัญขนาดนั้น” อิศรออกความเห็น
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” กอหญ้าเสียใจ “ตอนนี้ แหวนก็หายไป คนที่รู้ว่ามันสำคัญยังไงก็หายไปด้วยเหมือนกัน แย่จริงๆ”
กอหญ้าถอนใจเศร้า อิศรมองอย่างเห็นใจ เอื้อมมือไปบีบมือกอหญ้าอย่างปลอบโยน กอหญ้าน้ำตารื้น ชิษณุพงษ์มองอย่างเศร้าใจก่อนจะเมินหนี แตงมองอาการของชิษณุพงษ์แล้วถอนใจเบาๆ
ในบรรดารูปเก่าเหล่านี้ กอหญ้าใส่สร้อยที่มีล้อกเก็ตด้วยทุกรูป แต่ไม่เห็นตัวล็อกเก็ต เห็นแต่เพียงสร้อยทุกคนจึงไม่สังเกต หรือติดใจ

ไม่นานนักชิษณุพงษ์กับแตงขับรถกลับออกมาจากวังศิวาลัยมาตามถนนสวยๆ ชิษณุพงษ์นิ่งขรึมไป แตงหันมามองชั่งใจ แล้วตัดสินใจถาม
“คุณณุ”
“ฮึ” ชิษณุพงษ์ว่า
“แตงพูดอะไรอย่างได้ไหม
“พูดมา”
“คุณณุเห็นไหม ว่าคุณกอหญ้าเค้าชอบคุณอิศร”
ชิษณุพงษ์ปรายตาเหลือบมองแตง ตอบเสียงน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ
“ฉันว่านายอิศร ชอบทำท่าเป็นเจ้าเข้าเจ้าของกอหญ้าไปเองมากกว่า”
แตงท้วง “แต่คุณอิศรเป็นคนช่วยชีวิตคุณกอหญ้า”
ชิษณุพงษ์พยายามเถียงเข้าข้างตัวเอง “บุญคุณก็ส่วนบุญคุณ แต่ฉันกับกอหญ้าเป็นเพื่อนกัน กอหญ้าเค้ารักฉัน ห่วงฉัน เหมือนที่ฉันรักแล้วก็เป็นห่วงเค้า เราสองคน เป็นเพื่อนที่รักกันที่สุดในโลก”
แตงแย้งอีก “นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้เค้าก็ลืมมันไปหมดแล้ว”
ชิษณุพงษ์โมโห จอดรถเข้าข้างทางทันที
“คุณณุ ที่แตงเตือน เพราะไม่อยากให้คุณณุเสียใจ”
ชิษณุพงษ์เสียงดุ ไม่มองหน้าแตง “ลงไป”
แตงเสียใจ น้อยใจ “คุณณุ”
ชิษณุพงษ์ไม่มองหน้า “กอหญ้าไม่มีวันลืมฉัน ซักวันเค้าจะจำทุกอย่างได้ แล้วเค้าจะรู้ว่าเราเคยรักกันแค่ไหน”
แตงน้ำตาคลอๆ แล้วเปิดประตู ลงจากรถไปเศร้าๆ
ชิษณุพงษ์มองเห็นน้ำตาของแตง รู้สึกหวั่นไหวด้วยความสงสารนิดหนึ่ง แต่ทำเป็นไม่สนใจ

ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง มีผู้คนเดินขวักไขว่ เห็นพเยียแต่งตัวด้วยชุดสีขาวดำ แต่มีหมวกและแว่นพรางตัว ในมือถือถุงกระดาษอยู่หนึ่งใบ

พเยียเดินไปที่แผนกชุดกีฬา ที่ไม่ค่อยมีคน ยืนเลือกๆ ของ แต่แอบมองดูนาฬิกาข้อมือ ท่าทางเหมือนรอใคร
ด้านหลังของพเยีย นพดลสวมแจ๊กเก็ตมีฮู้ด สวมแว่น เดินมาดูเสื้อผ้าในมือมีถุงอยู่หนึ่งใบเหมือนกัน นพดลเดินเลือกเสื้อผ้าไปมา จนมายืนอยู่ตรงข้ามพเยีย ทั้งสองคนก้มหน้าก้มตาเลือกเสื้อผ้า ไม่มองกัน พเยียเอ่ยขึ้นก่อนเบาๆ

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10/3 วันที่ 9 มี.ค. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager

แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10/2



อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10/2 วันที่ 8 มี.ค. 56

ใครคนหนึ่งมองตามพเยียที่กัดฟันเข็นรถเข็นมาจนถึงประตูสวนด้านหลัง แล้วหยุดปาดเหงื่อ หน้าตายังคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงต่อไปดี
ทันใดนั้น มีมือใครคนหนึ่งมาอุดปากรัดคอพเยีย ชายใส่หมวกโม่งดำลากพเยียเข้าไปที่มุมมืดหลังต้นไม้ พเยียตกใจ จะร้องแต่มีปืนมาจ่อที่ข้างเอว
“อย่าร้องนะ อีตัวดี ถ้าไม่อยากตาย”
พเยียจำเสียงได้ “พี่นพ”

นพดลปล่อยพเยีย ดึงหมวกออก “เออ กูเอง ยังจำกันได้อยู่เหรอ”
พเยียตื่นกลัว “พี่มาทำไมที่นี่”
“เพราะกูไม่มีที่ไปไง ตำรวจไล่ล่ากูไปทั่ว” นพดลกระชากคอพเยีย “กูเดือดร้อนแบบนี้เพราะมึง แต่มึงกลับหายหัวจ้อย ไม่ช่วยกูเลย นี่คิดจะทิ้งกันแล้วใช่ไหม
“ม...ไม่ใช่นะพี่ ฉันโทรหาพี่ แต่ฉันโดนเค้าจับได้ ฉันเลยต้องเอาโทรศัพท์ทิ้ง ตอนนี้ ไม่ใช่พี่ซวยคนเดียว ฉันก็ซวยด้วย”


นพดลเห็นพเยียท่าทางกลัวจริง เลยอ่อนลง แต่ก็อดบ่นไม่ได้
“อย่ามาสำออย ตำรวจล่าหัวพี่อยู่คนเดียว พเยียจะซวยยังไง”
พเยียมองหน้านพดลหวาดๆ แล้วเดินไปที่รถเข็น
“นี่ไง”
พเยียเปิดผ้าคลุมออก นพดลเห็นศพชื่น นพดลผงะ ตกใจมาก

เวลาเดียวกันกอหญ้านั่งอยู่ในรถตู้ กับนภดาราและนภัสรพี รถเข้ามาใกล้ประตูรั้ววัง
นภดาราเอามือแตะหน้าผากกอหญ้า ห่วงใยจริงใจ “ตัวรุมๆ คืนนี้คงไข้ขึ้นแน่ปวดแผลไหมจ๊ะ กอหญ้า”
“ไม่ค่ะ พยาบาลเค้าให้ยาแก้ปวดไว้ แต่พรุ่งนี้คงปวดแน่ๆ”
“คุณอิศรเค้าเป็นห่วงหนูมาก ถ้ารู้ คงจะโกรธ” นภัสรพีว่า
กอหญ้า ยิ้มออก เมื่อคิดถึงอิศร “คุณอิศรเขาโกรธได้ทุกเรื่องล่ะค่ะ ไม่ว่าหนูจะทำอะไร ก็ทำให้เค้าโกรธได้ทั้งนั้น”
นภดารนึกออก “เออ ดูสิ พูดถึงคุณอิศร เค้าฝากของไว้ให้หนูน่ะจ๊ะ เห็นว่าของสำคัญ”
กอหญ้าก็เพิ่งนึกได้ ตาวาว
“แหวน! แหวนของหนูใช่ไหมคะ”
“ไม่รู้สิจ๊ะ ฉันไม่ได้เปิดดู แต่ดูจากถุงก็น่าจะเป็นพวกเครื่องประดับ” เปิดกระเป๋าออกหา “หนูลองดูเอาเองก็แล้วกัน”
นภดาราค้นๆ แล้วชะงัก หน้าเสีย
“เอ๊ะ”
กอหญ้าที่มองลุ้นๆ แปลกใจ
“มีอะไรเหรอ ดารา” นภัสรพีถาม
นภดาราไม่ตอบ เทของทุกอย่างออกจากกระเป๋า หาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ไม่เจอถุงแหวน
“ไม่มี” นภดาราหน้าเสีย “ทำไมไม่มีล่ะ”
นภัสรพีสงสัยมากขึ้น “อะไรหายเหรอ ดารา”
“ของที่คุณอิศรฝากไว้ให้กอหญ้าน่ะค่ะคุณพ่อ ลูกเอาใส่ไว้ในนี้ แล้วมัน หายไปไหนก็ไม่ทราบค่ะ”
“ไปทำตกที่โรงพยาบาลหรือเปล่า จะย้อนกลับไปดูไหม”
“ลูกไม่ได้เปิดกระเป๋าเลยนะคะ ไม่ได้วางที่ไหนด้วย เอาถือไว้กับตัวตลอด”
กอหญ้าพยายามสงบใจ ปลอบนภดาราที่หน้าซีดอยู่
“ลองหาดีๆ อีกทีสิคะ คุณอา ตกอยู่ในรถนี้หรือเปล่า มาค่ะ หนูช่วยหา”
กอหญ้าก้มลงหน้าที่พื้นรถวุ่นวาย นภดาราหน้าเสีย
นภัสรพีปลอบใจ “ไม่หายหรอกน่ะ ดารา ถ้าไม่ตกในรถ ก็อาจจะตกอยู่ที่โรงพยาบาล เดี๋ยวเราย้อนกลับไปดูให้แน่ใจอีกทีก็ได้”

ส่วนที่สวนด้านหลังวังศิวาลัย นพดลปฏิเสธเด็ดขาด
“ไม่! ตอนนี้เอาตัวเองยังไม่รอด พเยียทำ พเยียก็เคลียร์เองซี”
“ฉันจะไปมีปัญญาอะไรเล่า น่านะ พี่ ช่วยหน่อย เอาไปทิ้งที่ไหนก็ได้ คราวนี้มันตายจริง มันลุกมาก่อเรื่องเหมือนคราวที่แล้วหรอก”
“ไม่เอา” นพดลไม่เอาด้วย
พเยียชักโกรธ “แล้วจะเอายังไง พี่เดือดร้อน พี่อยากให้ฉันช่วยพี่ แล้วถ้าฉันเข้าคุกเพราะฆ่าอีแก่นี่ พี่จะสบายตรงไหน”
นพดลอึ้งไป อ่อนลง แต่ก็ยังกลัวลำบาก
“คนนะ ไม่ใช่แมว จะได้หิ้วไปทิ้งง่ายๆ รถก็ไม่มีให้ยืมแล้วด้วย”
พเยียนิ่ง เครียด “แล้วจะเอายังไงล่ะ อีกประเดี๋ยวคนก็แห่กลับมากันแล้วถ้าเจอศพนังนี่ พี่กับฉันติดคุกหัวโตแน่”

นพดลกับพเยียมองศพแม่ชื่นที่นอนอยู่ ไม่รู้จะเอายังไงดี
รถตู้ของวังศิวาลัยเคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่ประตูหน้าวัง ส่วนในสวนหลังวัง พเยียอยู่ในอาการร้อนรน เร่งนพดลยิกๆ

“เร็ว พี่นพ ว่ายังไง คิดซีคิด”
นพดลคิดๆ แล้วหันไปเห็นถังขยะขนาดใหญ่ สีเขียวของกทม. อยู่ที่มุมรั้ว ด้านลึกสุดของสวน
นพดลมองร่างของแม่ชื่น แล้วมองถังขยะ เหมือนจะกะขนาด

ครู่ต่อมารถตู้จอดที่หน้าตึกใหญ่ ศรีเดินนำบรรดาคนรับใช้ช่วยกันขนข้าวของ เช่น พาน ฯลฯ ลงมาจากรถเดินเข้าไปในตึก
ศรีมองเข้าไปเห็นตึกปิดไฟเงียบ ก็แปลกใจ
“เอ ทำไมบ้านมืดอย่างนี้ล่ะ คุณหนูก็กลับมาแล้วนี่นา ทำไมไม่เปิดไฟ”

ขณะเดียวกันพเยียกับนพดลช่วยกันเอาร่างปวกเปียกของแม่ชื่นใส่ลงในถุงดำขนาด ใหญ่อย่างหนาแบบ สูงประมาณ 100-120 ซม. โดยซ้อนกันหลายๆ ชั้น
ถุงดำนั้นถูกหย่อนลงในถังขยะ พเยียและนพดลช่วยกันเข็น กำลังจะออกไปที่ประตูหลัง ระหว่างนั้น ทองมากับสาวใช้คนหนึ่งเดินใกล้เข้ามา เพื่อที่จะไปยังเรือนพักคนใช้ด้านหลังตีกใหญ่
พเยียได้ยินเสียงก็ตกใจ “มีคนมา”
พเยียกับนพดลรีบวิ่งฉากหลบเข้าตรงหลังพุ่มไม้
ทองมากับสาวใช้เดินมาถึงพุ่มไม้ที่ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ แล้วชะงัก
“มีอะไร พี่ทองมา” สาวใช้ถาม
ทองมาหยิบไฟฉายจากเอวมาเปิด ส่องกราดเข้าไปในพุ่มไม้ พเยียกับนพดลยืนเบียดกันตัวตัวลีบเล็ก ลุ้นสุดๆ
ทองมา เห็นอะไรบางอย่างในความมืดกระทบแสงไฟฉาย มันคือขอบของถังขยะที่ตั้งอยู่ริมทางเดิน ทองมาขมวดคิ้ว เดินใกล้เข้ามา พเยียดึงนพดลนั่งหลบ ตัวลีบลุ้นสุดๆ ทองมาเข้ามาใกล้พอที่จะเห็นว่าเป็นถังขยะ
“ถังขยะนี่หว่า”
ทองมามองๆ ดูอย่างแปลกใจ พเยียมอง ลุ้น นพดลเอื้อมมือหยิบปืนมาเตรียมพร้อม
พเยียลุ้นอยู่ในใจ “อย่านะ อย่าเปิดนะ ขอร้องล่ะ อย่าเปิด”
สาวใช้เดินตามมา ทองมาหันไปบ่นเอากับสาวใช้
“ไม่รู้ใครเอาถังขยะมาไว้ตรงนี้ คุณแม่บ้านมาเห็นเข้าโดนด่าตาย”
“พี่เวียนคนสวนล่ะมั้งพี่ คงเอามาใส่เศษใบไม้” สาวใช้ว่า
“เดี๋ยวพี่ว่าจะเอาไปเก็บ” ทองมาบอก ท่าทีหงุดหงิด
พเยียใจหายวาบ แต่สาวใช้แย้งขึ้น
“ทิ้งเอาไว้นั่นแหละ พี่ เดี๋ยวเช้าเค้ามารดน้ำต้นไม้ เค้าก็เก็บเองแหละ ไปเถอะ ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
ทองมาพยักหน้าเห็นด้วย แล้วทั้งสองก็พากันเดินออกไป นพดลกับพเยียถอนใจเฮือก
“รีบเอาออกไปเถอะ พี่นพ เดี๋ยวมีใครผ่านมาอีกจะยุ่ง” พเยียกระซิบบอก
ทั้งสองคนก้าวออกมา ค่อยๆ ช่วยกันเข็นถังขยะออกไปในความมืด อย่างระแวดระวัง

ส่วนนภดารา นภัสรพี และกอหญ้าซึ่งมีผ้าพันที่แขน เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของตึก นภดาราดูร้อนใจเรื่องของฝากจากอิศรที่ตนทำหาย
"ฉันจำได้นะ ว่าใส่เอาไว้ในกระเป๋า อยู่ดีๆ มันจะหายไปได้ยังไง"
นภัสรพีแทรกขึ้น "ถ้าไม่ได้ทำตกที่โรงพยาบาล ก็อาจจะทำตกที่วัด"
นภดาราคิดทบทวนอีกครั้งให้แน่ใจ
“ลูกรับถุงมาจากคุณอิศร แล้วก็เอาใส่กระเป๋า แล้วไม่ได้หยิบอะไรออกมาอีกเลยนะคะ คุณพ่อ มาเปิดกระเป๋าอีกทีก็ตอนที่อยู่ในรถ จะหยิบของให้กอหญ้า ตอนนั้นของก็หายไปแล้ว” นภดาราบอก
“งั้นก็คงตกอยู่ในรถนั้นแหละ” นภัสรพีเห็นศรีเดินเข้ามา “อ้าว ศรีมาพอดี พรุ่งนี้ให้วิชัยรื้อเบาะตรวจดูให้ทั่ว คุณดาราทำของตกเอาไว้ในนั้น”
“ค่ะ”
“ไปพักผ่อนกันเถอะ มีอะไรค่อยว่ากันใหม่พรุ่งนี้” นภัสรพีบอกกับศรี “บอกแม่ชื่นว่าขอชาให้ฉันด้วย”
“ค่ะ คุณชาย” ศรียอบตัวเดินออกไป
นภัสรพีเดินออกไปทางห้องสมุด นภดาราหันไปชวนกอหญ้า
“ไปกันเถอะจ้ะ กอหญ้า ขึ้นไปข้างบนกัน ฉันจะแวะไปดูพเยียหน่อย”
กอหญ้าแปลกใจ “คุณพเยียเป็นอะไรคะ”
“พเยียบ่นว่าปวดหัวตั้งแต่ตอนอยู่ที่วัดน่ะจ้ะ เลยขอตัวกลับมาก่อน”
กอหญ้านึกเอะใจขึ้นมา
“เหรอคะ” กอหญ้าหันไปถามนภดาราเรียบๆ “คุณพเยียรู้เรื่องของที่ฝากไว้หรือเปล่าคะ”
“พเยียอยู่กับฉันด้วยตอนที่อิศรเอาของมาฝาก” นภดาราดูไม่สบายใจ “แต่หนูคงไม่ได้คิดว่าพเยียเอาไปใช่ไหม”
กอหญ้ารีบบอก “หนูคิดแค่ว่า คุณพเยียอาจจะเห็น ถ้าหากมันตกหล่นอยู่ที่วัด หรือมีใครมาแอบหยิบไป ลองถามดูก็ไม่เสียหายไม่ใช่หรือคะ”

ไม่นานต่อมา นภดารากับกอหญ้าพากันมาอยู่ที่หน้าห้องพเยีย นภดาราเคาะประตูเบาะๆ
“พเยียจ๊ะ นี่แม่เอง เข้าไปได้ไหม”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ นภดาราลองเปิดประตู ประตูไม่ได้ล็อก นภดารานำกอหญ้าเข้าไปในห้อง เห็นพเยียนอนคลุมโปงอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมมิดทั้งตัวจนไม่เห็นว่าเป็นใคร นภดาราเดินไปข้างเตียง กอหญ้าตามไปติดๆ
“พเยียจ๊ะ”
ร่างในโปงนิ่ง นภดาราตลบผ้าขึ้นพลางเรียก
“พเยีย”
นภดาราเอามือแตะแขนพเยีย เขย่าเบาๆ แต่พเยียยังนิ่ง
“ทำไมนอนนิ่งอย่างนี้” นภดาราเป็นห่วงมาก ร้อนใจ เขย่าปลุกเรียก “พเยีย พเยีย”
กอหญ้ามองนิ่งอย่างจับสังเกต เห็นพเยียขยับตัว
“คุณแม่” พเยียปรือตาแต่ลืมไม่ขึ้น พูดงัวเงีย “มีอะไรคะ”
“พเยียเป็นอะไรลูก แม่เรียกตั้งนานไม่รู้สึกตัว”
“พเยียปวดหัว...กินยา”
พเยียหลับฟุบไปอีก กอหญ้ามองไปเห็นขวดยาแก้ไข้กับยานอนหลับวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง
“คุณพเยียทานยานอนหลับเข้าไปค่ะ”
“นี่ตายจริง” นภดาราเขย่าเรียก “พเยีย พเยีย เป็นอะไรมากหรือเปล่าลูก พเยีย”
พเยียไม่รู้สึกตัว หลับนิ่งไป เพราะพเยียจงใจทานยานอนหลับ ให้หลับจริงๆ ไม่ได้แกล้งหลับ นภดารามองอย่างเป็นห่วง กอหญ้าจนใจ
กอหญ้าบอกเสียงเรียบๆ “ทานทั้งยาแก้ไข ทั้งยานอนหลับ คืนนี้คงพูดกับใครไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ คุณอา”
“เค้าบ่นปวดหัวมาตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว เอาเถอะจ้ะ ยังไงพรุ่งนี้ค่อยถามกันอีกที” นภดาราออกตัว
กอหญ้ามองพเยียที่นอนหลับลึกอยู่บนเตียง นึกสังหรณ์ในใจบางอย่าง แต่ไม่มีหลักฐาน ได้แต่ถอนใจ

ไม่นานนัก นภัสรพีนั่งพิงพนักเก้าอี้ห้องทำงาน หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ศรีประคองถาดชุดน้ำชาเข้ามา
“น้ำชาค่ะ คุณชาย”
นภัสรพีลืมตามอง แปลกใจ
“อ้าว ศรีเองเหรอ...แม่ชื่นไปไหนซะล่ะ”
“ห้องคุณแม่บ้านปิดไฟมืดเลยค่ะ ศรีไม่กล้าเรียก”
นภัสรพีพยักหน้ารับรู้ “แม่ชื่นเหนื่อยมาหลายวัน สงสัยวันนี้คงจะหมดแรง หลับไปแล้วละมั้ง”

นภัสรพีไม่รู้สักนิดว่า บัดนี้แม่บ้านชราผู้ซื่อสัตย์กลายเป็นศพอยู่ถุงพลาสติกใบยักษ์สีดำ และวางอยู่ที่พื้นเรือหางยาว โดยมีนพดลนั่งอยู่หัวเรือ กับเด็กหนุ่มหน้าตาซื่อๆ เป็นคนขับมากลางแม่น้ำ
เรือแล่นอยู่กลางคลองที่แยกมาจากแม่น้ำใหญ่ เงียบสงบ ไม่ค่อยมีคน
เด็กเรือหันมายิ้ม ถามอย่างเป็นมิตร “ไปอีกไกลไหมพี่”
นภดลบอกห้วน “ขับไปก่อน”
“บ้านพี่อยู่คลองไหนเนี่ยพี่ ผมวิ่งเรือมาหลายปีแล้ว ไม่เห็นคุ้นหน้าพี่เลย” เด็กเรือถามอีก
นพดลไม่ตอบ พอดีเรือแล่นมาถึงช่วงแม่น้ำที่เป็นมุมที่ค่อนข้างเปลี่ยว นพดลสั่ง
“จอดตรงนี้ น้อง จอดๆ”
เรือจอด เด็กมองไปรอบตัว งงๆ
“จอดกลางน้ำนี่เลยเหรอพี่” เด็กเรือหันมาหานภดล “จอดทำไม”
ทันใดนั้น นพดลเอาด้ามปืนทุบที่ก้านคอเด็ก เด็กหมดสติ ร่วงลงไปทันที นพดลถีบร่างนั้นตกน้ำไป
ก่อนจะหันไปรูดซิปเปิดปากถุง เห็นข้างในเป็นถุงดำหนาที่มัดปากไว้อย่างแน่นหนา ข้างในใส่ศพแม่ชื่น
“ไปที่ชอบที่ชอบนะ ป้า”

นพดลบอกแล้วผลักถุงทิ้งน้ำไป เห็นถุงดำค่อยๆ จมหายไปกับผืนน้ำอันมืดสนิท
เช้าวันต่อมา ศรีดูแลสาวใช้ตั้งโต๊ะอาหาร นภัสรพี นภดารา พเยีย และ กอหญ้าทยอย เดินมานั่งประจำที่ ศรีรินกาแฟให้ทุกคนแทนแม่ชื่น นภัสรพีมองอย่างแปลกใจ

“ศรี แม่ชื่นเป็นยังไงบ้าง”
“ตั้งแต่เช้ายังไม่เห็นเลยค่ะ ศรีว่าตั้งโต๊ะเสร็จจะลองไปดูที่ห้อง”
“ไม่สบายหรือเปล่า” คุณชายปรารภ
นภดาราลุกขึ้นทันที สีหน้าห่วงใย
“เดี๋ยวลูกไปดูเองค่ะ”
กอหญ้านึกสังหรณ์ใจ รีบลุกขึ้นด้วย
“หนูไปด้วยค่ะ”
กอหญ้าเดินตามนภดาราออกไป พเยียคิดๆ แล้วตัดสินใจลุกขึ้น
“พเยียไปกับคุณแม่นะคะ คุณตา”
พเยียวิ่งตามไปเป็นคนสุดท้าย

2 คนอยู่หน้าห้อง นภดาราเปิดประตูเข้าไปในห้อง
“แม่ชื่นคะ แม่ชื่น” นภดาราชะงัก เมื่อเห็นว่าห้องนอนแม่ชื่นว่างเปล่า ที่เตียงผ้าปูที่นอนเรียบตึง ไม่มีร่องรอยคนนอน กอหญ้าที่ตามเข้ามาพูดขึ้น
“เมื่อคืนแม่ชื่นไม่ได้นอนที่นี่”
นภดาราหน้าเสีย มองไปรอบๆ สภาพห้องแม่ชื่นเรียบร้อยดี เสื้อผ้าเต็มตู้เรียงเป็นระเบียบ ข้าวของอยู่ครบ
นภดารารำพึงอย่างแปลกใจ “ไม่ได้กลับมานอนที่นี่ แล้วจะไปไหน”
นภดาราหันมาเห็นพเยียที่ตามมาหยุดอยู่ที่ประตูห้อง ถามขึ้น
“เมื่อคืนหนูกลับมาบ้าน เห็นแม่ชื่นหรือเปล่า พเยีย”
“ไม่เห็นค่ะ ตอนหนูกลับมา ไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลย”
กอหญ้าคาใจ นึกสงสัย “เมื่อคืนแม่ชื่นไม่ได้กลับมาจากวัดพร้อมคนอื่นๆ หรอกหรือคะ”

ครู่ต่อมาศรีให้การกับนภดารา
“คุณแม่บ้านไม่ได้กลับมาพร้อมกับพวกเราค่ะ พอพวกคุณๆ ออกไป แกก็ขอกลับมาก่อน
“บอกหรือเปล่าจะไปไหน” นภดาราซัก
“ไม่ได้บอกค่ะ จู่ๆ ก็เดินออกไปเลย”
ฟังศรีว่า นภัสรพียิ่งแปลกใจ
“เป็นไปไม่ได้ ชื่นไม่มีทางไปไหนโดยไม่บอกไม่กล่าว เค้าไม่ใช่คนแบบนั้น”
กอหญ้า คาดเดา “เป็นไปได้ไหมคะ ว่าแม่ชื่นจะมีธุระสำคัญ อาจจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย”
พเยียรีบเสริมกอหญ้า “นั่นสิคะ คุณตา อาจจะมีญาติพี่น้องคนไหนเป็นอะไร หรือต้อง ไปที่ไหนไกลๆ ที่มันติดต่อกันไม่ได้

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10/2 วันที่ 8 มี.ค. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager