อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 6/4 วันที่ 14 ก.พ. 56

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 6/4 วันที่ 14 ก.พ. 56

“บ่าวก็ไม่เห็นว่าท่านขุนกับคุณหญิงจะพูดอะไร คุณรำพึงกังวลมากเกินไปรึเปล่าเจ้าคะ”
รำพึงยิ่งคิด ยิ่งแค้น จึงสั่งจวง
“ข้าสังหรณ์ใจอะไรไม่เคยผิด! คุณป้าต้องเป็นคนให้นังชุ่มดูแลคุณพี่แน่ๆ นังจวงเอ็งไปจับตาดูคุณพี่เอาไว้
ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล รีบมาบอกข้า”
“เจ้าค่ะ”
จวงรีบออกไป รำพึงมองตามแล้วหันมาทำลายข้าวของ กวาดของบนตู้ทิ้งอย่างเก็บกด

ภายในห้องพระ เวลากลางคืน คุณหญิงมณีสวดมนต์เสร็จแล้วกำลังก้มกราบสามครั้ง แจ่มคลานเข้ามาทางด้านหลัง
“จัดการทำแผลให้นังชุ่มเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”



“เจ้าค่ะ กว่าจะยอมล้างตัว กว่าจะทายา บ่าวเหนื่อยแทบขาดใจเจ้าค่ะ”
“แต่มันก็เป็นเด็กดีนะ ห่วงใยลูกข้ามากกว่าตัวเองซะอีก”
“ตั้งแต่มาอยู่ที่เรือน นังชุ่มมันเจ็บตัวไม่เว้นแต่ละวันเลยนะเจ้าคะ เดี๋ยวตกน้ำ เดี๋ยวโดนตบตี โดนเฆี่ยน นี่ยังมาโดนน้ำร้อนๆ ลวกอีก”
“นอกจากเรื่องเฆี่ยนกับน้ำร้อนลวก ยังมีเรื่องอื่นอีกเหรอ ทำไมข้าถึงไม่รู้”
แจ่มสะดุ้ง
“ก็นังชุ่มมันห้ามไว้เจ้าค่ะ ตอนมาอยู่ที่นี่ไม่กี่วันมันก็โดนใครไม่รู้รุมตบตีจนป่วย แล้วอีกไม่กี่วันก็ตกน้ำเกือบตายตอนไปเก็บบัวที่บึงกับคุณรำพึงน่ะเจ้าค่ะ”
คุณหญิงมณีคิดถึงเรื่องราวที่เพิ่งผ่านมา
รำพึงโกรธจัดเดินเข้าหาชุ่มด้วยความอดทนที่ต่ำลงทุกที
“บอกข้ามาว่าคุณพี่อยู่ไหน”
ชุ่มจ้องแล้วกัดปากแน่นดื้อไม่บอก ชุ่มจะเดินเลี่ยงผ่านไป
“นังชุ่ม”
รำพึงจับแขนกระชากเหวี่ยงจนชุ่มล้มไป ยาร้อนๆ ในถ้วยหกราดแขนชุ่ม
“โอ้ย”
ชุ่มดิ้นร้องด้วยความเจ็บปวด รำพึงยืนมองอย่างสะใจ
คุณหญิงมณีนึกเหตุการณ์แล้วก็สีหน้าเครียดขึ้นมาทันที

ท้องฟ้านอกหน้าต่างห้องนอนของรำพึง พระจันทร์เต็มดวงงดงาม แต่รำพึงไม่ได้มีใจจะชื่นชมกับความงามนั้นกลับเดินไปมาอย่างกระวนกระวาย
รำพึงบ่นกับตัวเอง
“ป่านนี้ทำไมยังไม่มาอีกนะนังจวง!”
ประตูเปิดเข้ามา รำพึงหันกลับไปคิดว่าเป็นจวง
“นังจวง! คุณพี่”
ขุนไวพิชิตพลก้าวเข้ามาในห้อง
“คุณพี่ไม่ควรเข้ามาในห้องนอนของน้องยามค่ำคืนแบบนี้!”
“น้องจงใจหลบเลี่ยงการแต่งงานกับพี่”
“คุยกันเวลานี้คงไม่เหมาะ คุณพี่ออกไปจากห้องของน้องเถอะนะคะ ก่อนที่คุณพ่อจะเข้ามาเห็น
หากเป็นเช่นนั้นคุณพี่คงจะต้องหัวหลุดจากบ่าเป็นแน่”
ขุนไวยิ้ม
“กว่าท่านเจ้าคุณจะเข้ามาที่ห้องนี้ก็คงจะเป็นเย็นวันพรุ่ง เพราะคืนนี้ท่านเจ้าคุณไปราชการต่างเมืองไปจริงๆ ไม่ใช่โกหกอย่างที่น้องทำกับพี่เมื่อเช้า”
รำพึงตกใจ ขุนไวโกรธจริงจัง
เรือนท้ายสวน เวลากลางคืน ชุ่มถือถ้วยยาเข้ามาเห็นขุนพิทักษ์ไมตรีนอนหลับอยู่
“ท่านขุน ยามาแล้วเจ้าค่ะ”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับจากขุนพิทักษ์ ชุ่มเข้าไปนั่งใกล้ๆ พยายามปลุก
“ท่านขุนเจ้าคะ ท่านขุน ตัวก็ไม่ร้อนแล้วนี่” ชุ่มว่า หลังจากลองเอามือแตะหน้าผาก
ชุ่มจะชักมือออก แต่ขุนพิทักษ์เอามือจับกดไว้
“ร้อนสิ…ร้อนมาก”
“ไม่นะเจ้าคะ”
“มันร้อนตรงนี้”
ขุนพิทักษ์จับมือชุ่มเลื่อนมาวางที่อกตัวเอง
“ท่านขุน... ดื่มยาก่อนเถอะนะเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์ยิ้มยั่วเล่น ชุ่มหลบตาแล้วหันไปหยิบถ้วยยา ขุนพิทักษ์ขยับตัวขึ้นมานั่งพิงผนัง จังหวะที่ชุ่มเอี้ยวตัวจะหยิบถ้วยยา ขุนพิทักษ์มองที่ต้นแขนของชุ่มที่เป็นแผลน้ำร้อนลวกที่ยังแดงมากอยู่ ขุนพิทักษ์เอื้อมมือไปลูบตรงจุดที่น้ำร้อนลวกเบาๆ
ชุ่มสะดุ้งร้อง “โอ๊ย…”
“เอ็งเจ็บมากมั้ย”
ชุ่มไม่ตอบ แต่พยักหน้าน้อยๆ
“ไหนมาให้ข้าดูใกล้ๆ หน่อยสิ”
“ข้าไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ ท่านขุนดื่มยาเถอะ”
“ไม่ ให้ข้าดูแผลเอ็งก่อน”
ชุ่มส่งถ้วยยาให้ ขุนพิทักษ์ตั้งท่าจะปัดทิ้ง ชุ่มโยกถ้วยยาหลบ
“ท่านขุน!”
“ถ้าเอ็งขัดใจข้า ข้าจะคว่ำถ้วยยาทิ้ง”
ขุนพิทักษ์ทำท่าจะคว้า ชุ่มโยกหลบอย่างตกใจ
“อย่านะเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์หยุดยิ้มอย่างเป็นต่อ พยักหน้าให้ชุ่มเข้ามา ชุ่มขยับเข้าไปใกล้แล้วหันแขนข้างที่โดนน้ำร้อนลวกให้ดู ขุนพิทักษ์เอื้อมมือไปลูบเบาๆ ที่แผล ขุนพิทักษ์ขยับมาเป่าเบาๆ ที่แผล ชุ่มสะดุ้งเล็กน้อย
“ท่านขุนทำอะไรเจ้าคะ”
“เป่าให้แผลเอ็งหายไง ตอนข้าเด็ก ๆ แม่ข้าก็เป่าให้แบบนี้แล้วมันก็หายนะ”
ชุ่มมองด้วยความซึ้งใจ จนสองสายตามาสบกัน ทั้งคู่จ้องตากันเนิ่นนาน ขุนพิทักษ์โน้มหน้าเข้าไปหา
ชุ่มตั้งสติได้จะลุกไป ขุนพิทักษ์จะขยับตามเร็วไปนิดจนเจ็บแผล
“โอ้ย!”
ชุ่มตกใจ รีบเข้ามาดู
“ท่านขุน”
ขุนพิทักษ์เห็นชุ่มเป็นห่วงเป็นใยยิ่งปรารถนาในตัวชุ่ม ขุนพิทักษ์ใช้มือประคองหน้า ชุ่มอึ้ง ๆ เหมือนโดนสะกด ขุนพิทักษ์ค่อยๆ จูบชุ่มอย่างอ่อนโยน
ขุนพิทักษ์ใช้มือข้างที่ชุ่มดันอยู่รวบตัวชุ่มเข้ามาในอ้อมกอด ร่างชุ่มกระแทกโดนแผลที่อก สีหน้าขุนพิทักษ์เจ็บปวดแต่ไม่ยอมปล่อยชุ่ม
“ท่านขุน...ปล่อยข้านะเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์กระซิบข้างหู
“ข้ารักเอ็งนะชุ่ม”
ชุ่มชะงักไม่อยากเชื่อหู
“ข้า...รัก…เอ็ง...”
ชุ่มค่อยๆ หันมามองตากับขุนพิทักษ์อย่างเขินอาย
“ข้า”
ขุนพิทักษ์ไม่ปล่อยให้ชุ่มได้คิดเข้าหอมแก้มเบาๆ แล้วค่อยๆ ดันร่างชุ่มลงบนที่นอนช้าๆ
ตะเกียงภายในห้องเปลวไฟลุกโชติช่วงดั่งความรักของทั้งสอง

ภายในห้องนอน รำพึงยืนประจันหน้ากับขุนไว เธอพยายามจะไล่ขุนไวออกไปให้ได้
“ออกไปนะคุณพี่ ไม่อย่างนั้นน้องจะร้องให้บ่าวไพร่เข้ามา”
“ก็เอาสิ ถ้าน้องอยากให้บ่าวไพร่มันพูดกันให้สนุกปากว่ามีผู้ชายเข้ามาอยู่ในห้อง พี่ก็อยากรู้ว่าไอ้พิทักษ์มันจะว่าอย่างไรเหมือนกัน”
“ออกไป”
ขุนไวก้าวเข้าหารำพึง
“ทำไมน้องถึงทำร้ายจิตใจพี่แบบนี้ ทั้งที่น้องได้ให้คำมั่นแล้วว่าจะแต่งงานกับคนที่ชนะการดวล เมื่อพี่ชนะน้องต้องทำตามสัญญา”

รำพึงพยายามคุมอารมณ์
“สัญญาระหว่างคุณพี่กับคุณพี่พิทักษ์ ที่น้องยอมรับมีเพียงแค่ครั้งแรกที่ดวลกันต่อหน้าท่านเจ้ากรมเท่านั้น
ส่วนครั้งที่สองเป็นสัญญาที่น้องไม่ได้รับรู้ด้วย”
“ถ้าเป็นไอ้พิทักษ์น้องคงไม่กลับคำเช่นนี้ใช่ไหม”
รำพึงพูดไม่ออก
“ทั้งเงินทอง ฐานันดร พี่มีเทียบเท่ากับมันทุกอย่าง ทำไมถึงต้องเป็นไอ้พิทักษ์”
รำพึงนิ่งไม่ตอบ ขุนไวอารมณ์ขึ้นไม่ยอมตรงเข้าจับต้นแขนของรำพึงเขย่าด้วยแรงอารมณ์
“ตอบพี่มาสิ พี่มีอะไรที่ด้อยกว่ามัน ตอบมา”
รำพึงทั้งเจ็บทั้งโกรธ
“ชาติตระกูลไง”
ขุนไวชะงัก ในขณะที่รำพึงสติขาดไปแล้ว
“คุณพี่พิทักษ์มีชาติตระกูลที่เหนือว่าคุณพี่ เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าจะสู้ คนที่เกิดเป็นลูกพระยาได้อย่างไร น้องคู่ควรกับชายที่มีทั้งศักดิ์ศรีและชาติตระกูล ไม่ใช่เด็กวัดอย่างคุณพี่”
ขุนไวโกรธแค้นมากที่คำพูดของรำพึงกระทบปมที่ฝังอยู่ในใจของขุนไวมาตลอด ขุนไวกำหมัดแน่น
“แล้วความรักของพี่ไม่มีค่าต่อน้องเลยใช่มั้ย”
“น้องเลือกแล้ว”
รำพึงจะเดินออกไป ขุนไวคว้าข้อมือรำพึงไว้
“ปล่อยนะ”
รำพึงหันมาตบหน้าขุนไว เพี๊ยะ!
ขุนไว โกรธกระชากตัวรำพึงเข้ามาในอ้อมกอด รำพึงพยายามดิ้น แต่สู้แรงของขุนไวไม่ได้
“พี่จะให้น้องได้รู้ว่า เด็กวัดอย่างพี่ก็มีเมียเป็นลูกพระยาได้เหมือนกัน”
รำพึงตกใจ
“อย่านะ”
คำห้ามไม่เป็นผลเมื่อขุนไวซุกไซ้รำพึง แล้วดันร่างลงไปที่เตียงก่อนจะโถมทับตามลงไป

เช้าวันใหม่ ที่เรือนท้ายสวน แสงยามเช้าส่องเข้ามาดูอบอุ่น ชุ่มนอนหลับ มือของขุนพิทักษ์เอื้อมมาวางบนมือของชุ่มแล้วเลื่อนมือให้นิ้วสอดประสานกับ มือของชุ่มอย่างหวงแหนแสดงความเป็นเจ้าของ
ขุนพิทักษ์นอนตะแคงซ้อนอยู่ด้านหลังชุ่ม ขุนพิทักษ์ลืมตามองชุ่มแล้วหอมที่เส้นผมเบาๆ แล้วขยับมาจูบที่หน้าผากของชุ่มด้วยความรัก ชุ่มรู้สึกตัวตื่น
“ตื่นแล้วเหรอ...”
ชุ่มตกใจที่ได้ยินเสียงขุนพิทักษ์จะลุกขึ้น แต่โดนกอดไว้
“จะไปไหน ข้ายังไม่หายชื่นใจเลย”
ขุนพิทักษ์ คลอเคลียไม่ห่าง ชุ่มยิ้มเขิน
“ท่านขุนเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์หอม
“เอ็งรักข้าไหม”
ชุ่มชะงัก
“ว่าไง...เอ็งรักข้าเหมือนที่ข้ารักเอ็งหรือไม่”
ชุ่มยิ้มเขินไม่ยอมตอบ
“ข้าต้องไปแล้วเจ้าคะ”
“ข้าจะไม่ปล่อยเอ็งจนกว่าเอ็งจะตอบข้าก่อน”
ขุนพิทักษ์พลิกตัวชุ่มมามองหน้ากันแล้วอ้อน
“เอ็งรักข้าไหมชุ่ม”
ชุ่มยิ่งเขินหนัก พยายามจะลุก
“ท่านขุนเจ้าคะ ประเดี๋ยวน้าแจ่มกับคุณหญิงต้องมาเยี่ยมไข้ท่านขุน ถ้าข้ายังนอนอยู่แบบนี้ ข้าต้องโดนทำโทษแน่ๆ”
ชุ่มมีสีหน้าอ้อนวอนสุดฤทธิ์ ขุนพิทักษ์ยิ้ม
“ก็ได้ ข้าก็ไม่อยากให้เมียข้าหลังลายเหมือนกัน”
ชุ่มทำหน้าไม่ถูกที่โดนเรียกแบบนั้น ขุนพิทักษ์หอมชุ่มอย่างหลงใหล ชุ่มยิ้มเขิน

บริเวณท้ายสวน จวงนั่งหลับสัปหงกทรงตัวไม่อยู่ หัวทิ่มไปกระแทกต้นไม้จนสะดุ้งตื่น
“อูย...เช้าแล้วเหรอเนี่ย”
เสียงคนเดินจากเรือน จวงรีบหันไปยื่นหน้ายื่นตาหาช่องมองผ่านพุ่มไม้ไป จวงเห็นชุ่มเดินออกมาจากเรือน สภาพผมดูยุ่งนิด ๆ แต่งตัวดูไม่เรียบร้อย จวงตกใจตาโตรีบวิ่งกลับไปที่เรือน

ในเวลาต่อมา ชุ่มนั่งอาบน้ำอยู่ที่ท่าน้ำแถวเรือนทาส ชุ่มวักน้ำขึ้นมาลูบที่แขนแล้วนึกถึงตอนที่ขุนพิทักษ์ลูบที่แขนของชุ่ม
“ข้ารักเอ็ง”

ชุ่มยิ้มด้วยหัวใจที่ชุ่มชื่น น้ำที่วักขึ้นมาที่หัวไหล่หยดไหลเป็นสาย
รำพึงนอนอยู่บนเตียงน้ำตาหยดไหล เสียใจที่เสียทีขุนไวที่นอนตะแคงใช้มือพาดวางบนตัวรำพึงอย่างหวงแหน ขุนไวตื่นลืมตาเห็นน้ำตารำพึงก็ขยับมือข้างที่วางพาดตัวรำพึงขึ้นมาใช้นิ้ว ไล้เช็ดน้ำตาให้
“อย่าร้องไห้เลยนะ พี่รักน้องมาก”
รำพึงจะลุกขึ้น ขุนไวตามขึ้นมากอดไว้
“ปล่อย!”
“พี่รู้ว่าพี่ไม่ควรทำแบบนี้ พี่จะรีบให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอน้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณี”
“ไม่ต้อง ดิฉันจะลืมเรื่องนี้ซะ ให้ท่านขุนคิดเสียว่าไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้น”
“อย่าเย็นชากับพี่แบบนี้ เรียกพี่เหมือนเดิมเถอะนะ”
“สิ่งที่ท่านขุนทำกับดิฉันมันเป็นสิ่งที่ดิฉันควรอภัยเหรอคะ”
“ถ้าน้องยอมแต่งงานกับพี่ พี่ก็คงไม่...”
“ดิฉันจะแต่งงานกับคนที่ดิฉันเลือกแล้วเท่านั้น”
“ไอ้พิทักษ์มันไปอยู่ในนรกแล้ว น้องอย่าเสียเวลารอมันอีกเลย”
รำพึงโพล่งด้วยความโมโห
“ต่อให้ดิฉันต้องตายตามคุณพี่พิทักษ์ไปดิฉันก็จะทำ แต่นี่คุณพี่พิทักษ์ยังมีชีวิตอยู่ ดิฉันก็จะรอ”
ขุนไวตกใจ
“ว่าไงนะ มันยังไม่ตาย”
“ใช่ คุณพี่พิทักษ์โดนโจรป่าทำร้ายบาดเจ็บสาหัส”
ขุนไวกำหมัดแน่นดวงตาฉายแววกร้าว
“อีกไม่นานคุณพี่พิทักษ์จะต้องหายดี แล้วก็จะมาสู่ขอดิฉัน หวังว่าท่านขุนจะเข้าใจและเลิกมาตอแยดิฉันซะที”
ขุนไวจนหนทางเลยต้องใช้การข่มขู่
“คุณพ่อของน้องไม่ยอมยกน้องให้ไอ้พิทักษ์แน่ หากท่านได้รู้เรื่องของเรา”
“ถ้าท่านขุนอยากฆ่าดิฉันก็เชิญบอกคุณพ่อไปเลย ดิฉันจะได้ตายสมใจท่านขุน”
ขุนไวกอดรำพึงแน่น
“พี่ไม่เคยคิดอยากฆ่าน้อง ใครจะฆ่าเมียตัวเองได้”
รำพึงบีบน้ำตา รำพึงมองอย่างโกรธที่โดนบังคับแล้วเปลี่ยนเป็นโอนอ่อน
“ถ้าเช่นนั้นคุณพี่ต้องสัญญาว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้กับใคร”
“แต่พี่รักน้อง แล้วพี่ก็เชื่อว่าท่านพระยาไม่ได้รังเกียจพี่ ท่านสนับสนุนพี่ด้วยซ้ำ”
“คุณพี่เพิ่งได้พบคุณพ่อไม่นาน แต่น้องเป็นลูก น้องรู้ดีว่าคุณพ่อคิดเช่นไร ถึงคุณพี่จะเป็นคนดี มีความสามารถ แต่นั่นไม่เพียงพอสำหรับคนที่จะเป็นเขยของคุณพ่อ”
ขุนไวยังอ้ำอึ้งไม่รับปาก รำพึงสำทับไปอีกที
“ถ้าคุณพี่สัญญากับน้อง คุณพี่จะได้ตัวน้องตลอดไป แต่ถ้าไม่! คงจะเหลือเพียงวิญญาณของน้องที่คุณพี่จะได้ครอบครอง”
ขุนไวตัดสินใจ
“พี่สัญญา พี่จะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร”
รำพึงแสร้งยิ้มอย่างคนหมดหนทาง ขุนไวดึงเข้ามากอดอย่างแสนรัก แต่แววตาของรำพึงวาวโรจน์

จวงวิ่งเข้ามาจะถึงหน้าเรือนแล้วต้องชะงักหยุด เมื่อเห็นว่าขุนไวกำลังลงมาจากเรือนอย่างรีบเร่ง พลางมองซ้ายมองขวาอย่างระวังตัว จวงตัดสินใจหลบไม่ให้ขุนไวเห็นตนเอง รอจนขุนไวเดินออกไปอีกทาง จวงตาโตเป็นไข่ห่านรีบวิ่งขึ้นไปบนเรือน

ในกระจกเงา รำพึงที่เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าพราวไปด้วยน้ำตา รำพึงวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าตัวเองอย่างแค้นๆ แล้วปัดอ่างน้ำจนตกพื้นกระจาย ปึ้ง!
จวงก้าวเข้ามาพอดีเจออ่างน้ำที่กระเด็นมากระแทกขา รำพึงยืนหอบด้วยความโกรธ
“ว้าย! คุณรำพึงเจ้าขา เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ บ่าวเห็นท่านขุนไว…”

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 6/4 วันที่ 14 ก.พ. 56

ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียา
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3 (ต่อจาก ตะวันฉาย ในม่ายเมฆ)
ที่มา manager